บลจ.กสิกรไทย ส่งกองทุน SSF น้องใหม่ เอาใจสายเซฟภาษี

25 ต.ค. 2565 | 17:40 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ต.ค. 2565 | 00:40 น.

บลจ.กสิกรไทย ส่ง K-VIETNAM-SSF ลุยสร้างโอกาสทำกำไรระยะยาว ตามแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจเวียดนาม พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษี เปิดขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 25 – 31 ต.ค.นี้

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย)เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยจัดตั้งกองทุน SSF น้องใหม่ชื่อว่า กองทุนเปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน เพื่อการออม หรือ K-VIETNAM-SSF เพื่อเติมเต็มทางเลือกให้ครบทุกเป้าหมายการลงทุน เน้นสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวตามแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี กำหนดเปิดเสนอขายครั้งแรก(IPO) 25-31 ตุลาคม 2565

  บลจ.กสิกรไทย ส่งกองทุน SSF น้องใหม่ เอาใจสายเซฟภาษี

กองทุน K-VIETNAM-SSF มีรูปแบบการลงทุนแบบ Feeder Fund ที่เน้นลงทุนในกองทุนหลักอย่าง กองทุนเปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน (K-VIETNAM) เพียงกองทุนเดียว ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเวียดนามชั้นนำ หลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งอสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค และการเงิน ด้วยทีมบริหารชุดเดียวกับกองทุน K-VIETNAM ที่สร้างผลการดำเนินในช่วงที่ผ่านมาได้อย่างโดดเด่น สามารถเอาชนะดัชนีชี้วัดได้อย่างสม่ำเสมอ  

“ตลาดหุ้นเวียดนามยังคงมีความน่าสนใจจากปัจจัยภายในประเทศทั้งในแง่เศรษฐกิจที่ GDP ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง กำไรบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตได้ในระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค และจำนวนประชากรวัยแรงงานมีสัดส่วนสูงที่สุดในอาเซียน ซึ่งเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว”

 

ที่ผ่านมาตลาดหุ้นเวียดนามมีการปรับตัวลดลงอย่างมาก เนื่องจาก

  1. ผลกระทบจากการปราบปรามเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นของทางการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้งบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
  2. ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ผ่านมามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างแรง ประกอบกับยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางเวียดนามต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามถึง 200bps ภายใน  1 เดือนที่ผ่านมา เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินด่องและควบคุมระดับเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดมีความกังวลว่า อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นจะกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและต้นทุนทางการเงินของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินด่อง ทำให้ในระยะสั้นปัจจัยที่กล่าวมายังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเวียดนาม

 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับตัวลงมากค่อนข้างมากของตลาดหุ้นเวียดนามได้สะท้อนระดับความกังวลไปส่วนหนึ่งแล้ว และมองว่าปัจจุบัน Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยทั้งนี้ยอมรับว่าความเสี่ยงหลักขึ้นอยู่กับแนวโน้มดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศในช่วงต่อไปด้วยเช่นกัน

 

“กองทุน K-VIETNAM-SSF เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มองเห็นศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม มีประสบการณ์การลงทุนในหุ้นต่างประเทศ สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูง และต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว”นางสาวธิดาศิริกล่าว