KS คาดกำไรกลุ่มแบงก์Q3 โต 26% แรงหนุนศก.ฟื้น-ขึ้นดอกเบี้ย

30 ก.ย. 2565 | 08:29 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ย. 2565 | 15:34 น.

บล.กสิกรไทย คาดกำไรกลุ่มแบงก์ Q3/65 เติบโต1% QoQ และ 26% YoYเป็น 4.11 หมื่นล้านบาท แรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อและ credit cost ที่ลดลง และการปรับขึ้นดอกเบี้ยใน Q4 เลือก BBL และ SCB เป็นหุ้นเด่น

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (KS) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์กำไรของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 3/2565 โดยคาดกลุ่มธนาคารจะรายงานกำไรไตรมาส 3/2565 รวมที่ 4.11 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ ) และเพิ่มขึ้น 26%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

 

 กำไรที่เติบโตเล็กน้อย QoQ  จากได้แรงหนุน  

 

  • 1)การตั้งสำรองหนี้เสียล่วงหน้า (ECL) คาดว่าจะลดลง เนื่องจากธนาคารส่วนใหญ่ได้ตั้ง ECL พิเศษไว้ล่วงหน้าแล้วในไตรมาส 2/2565 และ 
  • 2) สินเชื่อที่คาดจะเติบโตขึ้น 1% จากสินเชื่อธุรกิจและรายย่อย กำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY คาดจะมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการเติบโตของสินเชื่อที่คาดว่าจะอยู่ที่ 6% YoY จากสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและต้นทุนสินเชื่อ (credit cost) ที่ลดลง 37bps YoY เป็น 119 bps ในไตรมาส 3/2565 คาดว่า KTB และ TTB จะรายงานกำไรที่ขยายตัวขึ้น YoY ที่ 66% และ 46% ตามลำดับ ขณะที่คาดว่า SCB และ BBL จะรายงานกำไรเติบโตสูงสุดในเชิง QoQ

 

KS คาดกำไรกลุ่มแบงก์Q3 โต 26% แรงหนุนศก.ฟื้น-ขึ้นดอกเบี้ย

 

KS คาดว่าสินเชื่อรวมของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 3/2565 จะเติบโตขึ้น 1% QoQ และ 6% YoY เป็น 11.69 ล้านล้านบาท การเติบโตของสินเชื่อจะยังคงได้รับแรงหนุนจากสินเชื่อภาคธุรกิจขนาดใหญ่ สำหรับโครงการลงทุนหลังเปิดประเทศและสินเชื่อรายย่อยสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยคาดว่า BBL KKP และ TISCO จะรายงานสินเชื่อที่เติบโตโดดเด่นในไตรมาส 3/2565 

 

ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ในไตรมาส 3/2565 คาดว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย อัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อ (NPL ratio) จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% ในไตรมาส 3/2565 จาก 3.6% ในไตรมาส 2/2565 เราไม่ได้กังวลเรื่อง NPL ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเชื่อว่าอัตราการเพิ่มขึ้นจะชะลอตัวลงและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 น่าจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะ NPL คาดว่าอัตราสำรองต่อนี้สูญ(coverage ratio ในไตรมาส 3/2565 จะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 173% ซึ่งน่าจะเพียงพอที่จะรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจาก NPLหลังจากสิ้นสุดมาตรการบรรเทาหนี้เงินกู้ทั่วไป

 

คาดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานจะเริ่มปรับสูงขึ้น หลังจากเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2565 คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25bps เป็น 1.0% สอดคล้องกับคาดการณ์ของเราและของตลาด หลังการประกาศของกนง. BBL เป็นธนาคารแรกที่ประกาศว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในกรอบ 0.15-0.5% และ MLR/ MOR/ MRR ที่ 0.4%/0.375%/0.3% ตามลำดับ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. นี้ คาดว่าธนาคารอื่นจะปฏิบัติตาม BBL ซึ่งคาดว่าจะเห็น upside จากการปรับอัตราดอกเบี้ยที่ 3%ต่อประมาณการกำไรของ BBL ในปี 2566 ของเรา 

 

สำหรับธนาคารอื่นหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงกับของ BBL เราคาดว่าจะเห็น upside ต่อประมาณการกำไรของเราในปี 2566 ที่ 1-2% สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (BAY SCB และ KTB) และไม่ส่งผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อ TTB และ KKP และมีความเสี่ยงขาลงเล็กน้อยต่อ TISCO

 

KS คงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มธนาคารจาก 1) ความสามารถในการส่งต่อต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น  2) ได้ประโยชน์โดยตรงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลังเป็นต้นไปและ 3) คาดอัตราตอบแทนเงินปันผลที่น่าดึงดูดในมากขึ้น สำหรับผลประกอบการปี 2565 ที่ 4-5% เราเลือก SCB และ BBL เป็นหุ้นเด่น