ดาวโจนส์ปิดบวก 145 จุด นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ

02 ก.ย. 2565 | 06:38 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.ย. 2565 | 13:38 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (1 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซื้อในช่วงท้ายตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)



          
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,656.42 จุด เพิ่มขึ้น 145.99 จุด หรือ +0.46%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,966.85 จุด เพิ่มขึ้น 11.85 จุด หรือ +0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,785.13 จุด ลดลง 31.08 จุด หรือ -0.26%
          

ตลาดเคลื่อนไหวในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน หลังสหรัฐเปิดเผยจำนวนคนว่างงานต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้เกิดกังวลว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อหุ้นในช่วงท้าย ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก
          

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 232,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 245,000 ราย

ควิสซี ครอสบี นักวิเคราะห์จากบริษัทพีแอลพี ไฟแนนเชียลกล่าวว่า นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นข้อมูลที่สามารถบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยหากตัวเลขจ้างงานออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น
         

นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 300,000 ตำแหน่ง หลังจากที่พุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์จากเวลส์ ฟาร์โกคาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 375,000 ตำแหน่ง และนักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 350,000 ตำแหน่ง
         

นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่ม Defensive หรือหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี เช่นหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มสาธารณูปโภค โดยหุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ บวก 0.91% หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ พุ่งขึ้น 2.49% หุ้นพีจีแอนด์อี พุ่งขึ้น 1.54% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ดีดขึ้น 1.2%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 3.95% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.68% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.59% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.83%
         

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปร่วงลง หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมสั่งห้ามการส่งออกชิปสำหรับการผลิตปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้กับจีน เพื่อลดความเสี่ยงที่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกกองทัพจีนนำไปใช้ ทั้งนี้ หุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 7.67% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 2.99% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.41% หุ้นอินเทล ลดลง 0.5% หุ้นควอลคอมม์ ร่วงลง 1.78%
         

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 52.8 ในเดือนส.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ค. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 52.0 โดยดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
         

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 0.4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย.