มหาดไทยผนึกสภาพัฒน์ - สกสว.ยกระดับเศรษฐกิจพลิกโฉมประเทศ

01 ก.ย. 2565 | 14:56 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ย. 2565 | 21:56 น.

มหาดไทยผนึกสภาพัฒน์ - สกสว.ยกระดับเศรษฐกิจพลิกโฉมประเทศ ดึงองค์ความรู้จากวิทยาศาสตร์ ผลงานวิจัย และผลผลิตที่เป็นนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการร่วมกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อหาแนวทางบูรณาการแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) เชิงพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมเชิงพื้นที่ 

 

โดยมุ่งเน้นนำองค์ความรู้จากวิทยาศาสตร์ ผลงานวิจัย และผลผลิตที่เป็นนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพลิกโฉมประเทศ ในการพัฒนาพื้นที่ พัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด อีกทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน อันจะเป็นทางเลือก และทางรอดสำหรับอนาคต

 

สำหรับการร่วมมือกันในครั้งดังกล่าวนี้  กระทรวงมหาดไทยจะประสานกับ สกสว. ในการนำองค์ความรู้ ผลงานวิจัย และผลผลิตที่เป็นนวัตกรรมต่างๆไปสู่การแก้ไขปัญหา และพัฒนาพื้นที่โดยตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น เช่น การจัดทำแผนงานโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนโดยใช้ต้นแบบจากงานวิจัยเชิงปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จ

ตลอดจนการแก้โจทย์ที่ซับซ้อนของพื้นที่ในระดับจังหวัด มีการศึกษาปัญหา และหนทางแก้ไขของพื้นที่ และนำมาปรับเป็นแผนโครงการที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด 

 

นอกจากนี้จะมีการประสานแผนเชิงภารกิจ และเชิงพื้นที่ในระดับต่างๆให้เชื่อมโยง โดยเฉพาะการเชื่อมโยงแผนพัฒนาภาคที่สภาพัฒน์ รับผิดชอบ เข้ากับแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัดที่เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ภูมิภาคของประเทศไทยมีความก้าวหน้า และเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน อันจะเป็นฐานในการเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศไทย

 

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สภาพัฒน์ กล่าวว่า สภาพัฒน์ได้ประสานความร่วมมือกับ สกสว. ในฐานภาคียุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงแผนระหว่างแผนพัฒนาภาคกับแผนปฏิบัติการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม 

 

มหาดไทยผนึกสภาพัฒน์ - สกสว.ยกระดับเศรษฐกิจพลิกโฉมประเทศ

 

รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนากลไก และเครือข่ายบุคลากรของหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนแผนพัฒนาภาคและใช้วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมผลักดันการพัฒนาพื้นที่  ซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเชิงพื้นที่จำเป็นต้องมีการบูรณาการองค์ความรู้ที่หลากหลาย การแก้โจทย์การพัฒนาที่เชื่อมโยง ซับซ้อนด้วยการวิจัย 

รวมทั้งมีการใช้ผลผลิตจากนวัตกรรม เช่น การนำผลงานวิจัยด้านนวัตกรรมอาหารและเกษตรแม่นยำไปผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจฐานชีวภาพ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิต เกิดมูลค่าเพิ่มกับสินค้าเกษตร ทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หรือการนำองค์ความรู้ และเทคโนโลยีชีวภาพด้านสมุนไพรไปผลักดันให้เป็นโครงการพัฒนาสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าให้แก่อุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยวให้เติบโตต่อไปในอนาคต โดยการร่วมมือนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการพลิกโฉมประเทศไทย

 

รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า สกสว.ในฐานะที่เป็นภาคีเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ขึ้นเพื่อเป็นกรอบในการดำเนินงานส่งสริมการวิจัย และพัฒนาให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้ก้าวหน้า ผลักดันประเทศไทยให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วโดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เป็นกลไกและพลังสำคัญในการพัฒนา 

 

ซึ่ง สกสว. มองว่าการพลิกโฉมประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ถ้าเศรษฐกิจในพื้นที่เติบโต แข็งแรง จะเป็นปัจจัยหนุนเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ประชาชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก็จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้ไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในที่สุด

 

ดังนั้น สกสว.จึงริเริ่มให้มีการศึกษาหาแนวทางในการเชื่อมโยงแผน ววน. กับแผนการพัฒนาพื้นที่ในระดับต่างๆ ทั้งแผนพัฒนาภาคของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดและแผนพัฒนาจังหวัดที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งความเชื่อมโยงนี้เป็นการเชื่อมโยงสาระสำคัญในเชิงเป้าหมาย ประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนา และการเชื่อมโยงกลไกการผลักดันและบริหารแผน ตลอดจนการบูรณาการกำลังคน กำลังทรัพยากรที่เกี่ยวข้องให้ตอบโจทย์การพัฒนาพื้นที่ให้เข้มแข็ง และพลิกโฉมประเทศไทยไปพร้อมกัน