ไบแนนซ์ ร่วมร่างกรอบกฎหมาย พร้อมวางรากฐานคริปโตฯ และ DeFi

30 ส.ค. 2565 | 17:24 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ส.ค. 2565 | 00:34 น.

ไบแนนซ์ (Binance) ร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย อาทิ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเกาหลีใต้ หารือและร่วมร่างกรอบกฎหมายเสริมสร้างการดำเนินงานด้านการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมวางรากฐานคริปโตเคอเรนซีและระบบการเงินไร้ตัวกลาง (DeFi)

ตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวในตลาดคริปโตได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย เห็นได้จากการที่ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมทำให้ภาคการเงินของแต่ละประเทศต่างต้องมองหาวิธีการเสริมสร้างความรู้เพื่อให้ก้าวทันสู่นวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งครอบคลุมถึงคริปโตเคอเรนซี

ไบแนนซ์ ร่วมร่างกรอบกฎหมาย พร้อมวางรากฐานคริปโตฯ และ DeFi

โดยสำหรับประเทศฟิลิปปินส์ ไบแนนซ์ ได้รับเกียรติให้เป็นตัวแทนจากภาคเอกชน ร่วมกับสมาพันธ์เทคโนโลยีทางการเงิน ในการเข้าร่วมการประชุมพิจารณาของวุฒิสภากับคณะกรรมาธิการกำกับดูแลธนาคาร สถาบันทางการเงินและสกุลเงิน พร้อมร่วมหารือกับหน่วยงานรัฐ ได้แก่ ธนาคารกลางหรือ Banko Sentral ng Pilipinas (BSP) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงสำนักงานเขตเศรษฐกิจพิเศษคากายัน (Cagayan Economic Zone Authority หรือ CEZA) เกี่ยวกับแนวคิดริเริ่มหลักในการจัดทำนโยบายและแนวทางการกำกับดูแลเทคโนโลยีทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ โดยการหารือดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่วิธีการกำกับดูแลนวัตกรรม ควบคู่ไปกับมาตรการรองรับที่เหมาะสมเพื่อวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองผู้บริโภค

 

ซึ่ง ไบแนนซ์ ในฐานะตัวแทนจากภาคธุรกิจได้นำเสนอข้อมูลเบื้องลึกที่สำคัญ รวมถึงมาตรการที่ใช้เพื่อคลายข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้งาน ให้คณะกรรมาธิการฯ ได้รับทราบระหว่างการประชุมพิจารณา พร้อมย้ำชัดว่าทางบริษัทฯ ได้จัดทำและดำเนินการตามนโยบายคุ้มครองผู้ใช้งานและนโยบายรักษาความปลอดภัยมาโดยตลอด โดยบางนโยบายถือได้ว่าเข้มงวดที่สุดในวงการเทคโนโลยีทางการเงินอีกด้วย

 

ทั้งนี้ ไบแนนซ์มีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยหลักในทุกขั้นตอนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งาน มีกระบวนการรู้จักลูกค้า (Know Your Customer หรือ KYC) ที่เข้มงวด รวมทั้งการทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานทางธนาคารอย่างใกล้ชิด ตลอดจนกระบวนการตรวจสอบสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะนำมาแลกเปลี่ยนในระบบอย่างจริงจังด้วยเช่นกัน

 

  

 

นอกจากนี้ เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม ทางบริษัท ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด (Binance Capital Management Co., Ltd.) ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งกัมพูชา (SERC) ในการสานต่องานภายใต้กรอบการดำเนินงานบันทึกความเข้าใจ (MoU) ผ่านการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความรู้ด้านการดำเนินงานสินทรัพย์ดิจิทัลให้กับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของ SERC สำหรับนำไปพัฒนากรอบกฏหมายสำหรับการควบคุมและพัฒนาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในกัมพูชา ภายใต้หัวข้อต่างๆ ได้แก่

•             ความรู้พื้นฐานด้านบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล

•             การกำกับดูแลอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ด้านนโยบายยุทธศาสตร์

 

นอกจากนี้ ในการประชุมยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัล การคุ้มครองผู้บริโภค รายชื่อโทเค็นต่างๆ (Token) แอปพลิเคชัน DeFi Stablecoins และอื่นๆ อีกด้วย

ไบแนนซ์ ร่วมร่างกรอบกฎหมาย พร้อมวางรากฐานคริปโตฯ และ DeFi

และล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ไบแนนซ์ ได้ร่วมมือกับ เทศบาลเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อลงนามภายใต้กรอบการดำเนินงานบันทึกความเข้าใจ (MoU) ในการสนับสนุนเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาบล็อกเชนอีโคซิสเต็ม (Blockchain Ecosystem) ของเมืองปูซาน พร้อมผลักดันศูนย์ซื้อขายทรัพย์สินดิจิทัลปูซาน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนรายการคำสั่งซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Order Book) ระหว่างสองหน่วยงาน นอกจากนี้ ไบแนนซ์ยังมีแผนที่จะพัฒนาและส่งเสริมบล็อกเชนของเมืองปูซานในหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น

•             การผลักดันการใช้เขตปลอดข้อกำหนดทางบล็อกเชนของปูซานเพื่อส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และธุรกิจเกี่ยวกับบล็อกเชน

•             การสนับสนุนการวิจัยและการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนในปูซาน

•             การจัดสรรหลักสูตรการศึกษาและแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เกี่ยวกับบล็อกเชนโดยเฉพาะ ผ่าน Binance Academy

•             การพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในสังคมผ่าน Binance Charity

•             การสนับสนุนการจัดงาน Blockchain Week ณ เมืองปูซานในปี 2022 (BWB 2022)

 

ทั้งนี้ ไบแนนซ์คาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการสนับสนุนด้านบล็อกเชนดังกล่าวภายในสิ้นปีนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทฯ จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เมืองปูซานกลายเป็นศูนย์กลางดิจิทัลที่เปี่ยมไปด้วยสีสันที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออก