ดาวโจนส์ปิดลบ171 จุด ผิดหวังงบ"ทาร์เก็ต"ค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐต่ำกว่าคาด

18 ส.ค. 2565 | 06:42 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ส.ค. 2565 | 13:48 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (17 ส.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับที่สามารถควบคุมได้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,980.32 จุด ลดลง 171.69 จุด หรือ -0.50%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,274.04 จุด ลดลง 31.16 จุด หรือ -0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,938.12 จุด ลดลง 164.43 จุด หรือ -1.25%

 

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวผันผวนในระหว่างวัน ก่อนที่จะปิดตลาดในแดนลบ หลังจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 ก.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงที่สุดเท่าที่จำเป็น จนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ แต่ในขณะเดียวกัน เฟดก็ส่งสัญญาณว่าอาจจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตระหนักว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้มีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง

 

ปีเตอร์ คาร์ดิลโล นักวิเคราะห์จากบริษัทสปาร์ตัน แคปิตอล ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า "เฟดยังคงมีจุดยืนในการดำเนินนโยบายการเงินแบบสายเหยี่ยว (Hawkish) แต่ในขณะเดียวกันเฟดก็เปิดประตูให้กับโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. มากกว่าที่จะปรับขึ้นรุนแรงถึง 0.75%"

ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2565 ทรุดตัวลงเกือบ 90% สู่ระดับ 183 ล้านดอลลาร์ หรือ 39 เซนต์/หุ้น จากระดับ 1.82 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.65 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 72 เซนต์/หุ้น เนื่องจากบริษัทต้องปรับลดราคาสินค้าเพื่อระบายสต็อกจำนวนมากที่ยังคงอยู่ในคลังสินค้า
         
 ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของทาร์เก็ตได้ฉุดกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วย โดยหุ้นทาร์เก็ต ร่วงลง 2.72% หุ้นโฮม ดีโปท์ ปรับตัวลง 0.55% หุ้นเบสท์ บาย ดิ่งลง 3.17% หุ้นนอร์ดสตรอม ร่วงลง 3.97% หุ้นไฟฟ์ บีโลว์ (Five Below) ร่วงลง 2.31%

          
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.77% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 1.85% ไมโครซอฟท์ ลดลง 0.26% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ร่วงลง 2.57% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 1.85%

หุ้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พุ่งขึ้น 6.96% หลังมีรายงานว่านายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา ทวีตข้อความแสดงความสนใจที่จะซื้อสโมสรฟุตบอลดังกล่าว ซึ่งข้อความของนายมัสก์ได้รับการกด like ถึง 573,000 ครั้ง และได้รับการรีทวีตถึง 140,000 ครั้ง แต่ในเวลาต่อมานายมัสก์ได้ยอมรับว่าข้อความดังกล่าวเป็นเพียงคำพูดเล่นเท่านั้น
         

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกทรงตัวในเดือนก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมิ.ย. โดยยอดค้าปลีกในเดือนก.ค.ได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงของสถานีบริการน้ำมันอันเนื่องจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน
         

ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยการเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า