เศรษฐกิจใกล้ถดถอย ควรขายหุ้นก่อนดีหรือไม่

03 ส.ค. 2565 | 09:59 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ส.ค. 2565 | 16:59 น.

เศรษฐกิจใกล้ถดถอย ควรขายหุ้นก่อนดีหรือไม่ บทความโดย : พงษ์ธร ถาวรธนากุล, CFA ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Lief Capital Asset Management

ท่ามกลางความกลัวว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอย ไม่มีใครสามารถประเมินได้ว่าถดถอยแล้วจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้าหรือจะจบลงเมื่อไหร่ แต่จากสถิติต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นว่าแม้เศรษฐกิจจะไม่ดีหรืออยู่ในช่วงวิกฤติที่อาจได้รับผลขาดทุน แต่ส่วนใหญ่เมื่อเหตุการณ์นั้นจบลงการลงทุนก็จะกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดี

 

เศรษฐกิจถดถอยหรือวิกฤติใหญ่ ๆ ไม่ได้มาบ่อย ๆ นี่อาจเป็นโอกาสในรอบหลายสิบปีที่นักลงทุนจะได้ “ซื้อหุ้นที่ดี ในราคาถูก” เพียงไม่ถอดใจ ยอมแพ้ หรือถอนตัวจากการลงทุนไปเสียก่อน

 

จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว” อาจจะเป็นคำพูดที่ฟังแล้วดูเหมือนง่ายว่าให้เข้าลงทุนเมื่อสถานการณ์น่ากลัว กำลังเกิดวิกฤติ ไร้ทางออก แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจทำได้ยากหรือนักลงทุนไม่กล้าเสี่ยง ปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง คือ ไม่รู้ว่านักลงทุนคนอื่น ๆ กล้าเมื่อไหร่หรือกลัวตอนไหน ขณะเดียวกันอารมณ์ของตลาดเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา มีเพียงราคาของสินทรัพย์ลงทุนที่มองเห็น เช่น ราคาหุ้น หากมีการปรับตัวลดลงก็สะท้อนความกลัวของนักลงทุนได้ไม่มากก็น้อย และจากสถานการณ์ล่าสุดที่นักลงทุนทั่วโลกมองไปในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย คำถามตามมา คือ เป็นช่วงกล้าหรือกลัว  
 

 

สำนักข่าว Bloomberg เก็บสถิติผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 เฉพาะช่วงครึ่งปีแรก พบว่าผลตอบแทนครึ่งแรกของปี 2022 ปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับแต่ปี 1970 โดยในช่วงสองปีดังกล่าว (ปี 1970 กับปี 2022) นักลงทุนมีความกังวลในประเด็นคล้ายกัน คือ ภาวะเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นร้อนแรง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลว่าจากนี้ไปควรซื้อหุ้นเพิ่มหรือขายหุ้นออกไป

 

เศรษฐกิจใกล้ถดถอย ควรขายหุ้นก่อนดีหรือไม่
 

ซื้อหุ้นแล้ว ปลอดภัยหรือไม่

 

“ตอนนี้ซื้อหุ้นไปแล้ว ราคาจะปรับลดลงหรือไม่” เป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้ แต่หากพิจารณาสถิติของทาง J.P.Morgan Asset Management พบว่าตั้งแต่ปี 1986 – 30 มิถุนายน 2022 ผลตอบแทนจากการลงทุนดัชนี FTSE All-Share ในระหว่างปีก็จะมีทั้งกำไรและขาดทุนที่แตกต่างกัน

 

เศรษฐกิจใกล้ถดถอย ควรขายหุ้นก่อนดีหรือไม่
 

จากกราฟด้านบน แท่งสีเทา หมายถึง ผลตอบแทนเฉลี่ยในแต่ละปี เช่น ผลตอบแทนเฉลี่ยปี 1986 กำไร 22% ส่วนวงกลมสีแดง หมายถึง ในระหว่างปีจะมีช่วงขาดทุนสูงสุด เช่น ปี 1986 ขาดทุนสูงสุด 9% เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลดังกล่าว ในช่วง 36 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีถึง 25 ปี ที่ดัชนีหุ้นสามารถกลับมาปิดในแดนบวกและผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกได้ ณ สิ้นปี สะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้ในระหว่างปีอาจได้รับผลขาดทุนบ้างจากปัจจัยที่กระทบบรรยากาศการลงทุน แต่ส่วนใหญ่แล้วเมื่อจบปีก็ได้รับผลตอบแทนที่ดี

 

ซื้อหุ้นตอนนี้ กำไรเมื่อไหร่

 

สมมติว่านักลงทุนซื้อหุ้นไปแล้ว ปรากฏว่าตลาดหุ้นยังไม่ปรับขึ้นในเร็ววัน แสดงว่าต้องทนถือหุ้นต่อไปอีกและไม่รู้ว่าความคาดหวังผลตอบแทนในอนาคตจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม หากตลาดฟื้นตัวได้เร็ว เช่น 1 ปี พบว่าแทบจะไม่มีโอกาสขาดทุนเลย โดยหากดูข้อมูล Forward Price to Earnings Ratio (Forward P/E) ของดัชนี S&P 500 ที่แสดงระดับราคาความถูกแพงของหุ้นเทียบกับผลประกอบการในอีก 12 เดือนข้างหน้า พบว่าช่วงต้นปี 2022 ระดับ P/E Ratio อยู่ที่ระดับ 22 เท่า และปรับลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 16 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เช่นเดียวกันเมื่อซื้อหุ้นแล้วตลาดหุ้นไม่ฟื้นเป็นเวลา 10 ปี หากสามารถถือลงทุนได้ถึง 10 ปี และตามสถิติก็ไม่เคยมีประวัติว่าตลาดหุ้นจะซบเซาติดต่อกันยาวนาน หมายความว่า ท้ายที่สุดก็จะได้รับผลตอบแทนที่น่าประทับใจ

 

เศรษฐกิจใกล้ถดถอย ควรขายหุ้นก่อนดีหรือไม่

จากตารางด้านบน พบว่าหลังจากเกิดวิกฤติหรือสงคราม ในปีถัดไปผลตอบแทนดัชนี S&P 500 เริ่มฟื้นตัว และหลังจากเกิดเหตุการณ์ 3 ปี และ 5 ปี ผลตอบแทนจะกลับมาเป็นบวกได้ หมายความว่า ทุกครั้งที่ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง มักจะตามมาด้วยการฟื้นตัวและกำไรสำหรับนักลงทุนที่สามารถอดทนและรอคอยได้อยู่เสมอ

 

โอกาสลงทุนในรอบหลายสิบปี

 

J.P.Morgan Asset Management ทำการสรุปข้อมูล พบว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2022) ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีดีที่สุด คือ 14.9% ส่วนตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 7.3% และหากดูข้อมูลสิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ พบว่าตลาดหุ้นทั้งสองกลุ่มประเทศให้ผลตอบแทนติดลบ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน เช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงทั่วโลก สงครามรัสเซียกับยูเครน เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม จากสถิติข้อมูลที่ผ่านมา พบว่าอาจเป็นโอกาสในรอบหลายสิบปีที่นักลงทุนจะได้ “ซื้อหุ้นที่ดี ในราคาถูก” หมายความว่า อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะถอดใจ ยอมแพ้ ถอนตัวจากการลงทุน

 

หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

 

 

ที่มา  : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย , setinvestnow.com