ผ่าข้อเสนอ ทางรอดวิกฤติ ของเศรษฐกิจไทย

03 ส.ค. 2565 | 07:30 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตีโดย...กาแฟขม

***หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3806 วันที่ 4-6 ส.ค.2565 โดย..กาแฟขม


*** เรื่องนี้สำคัญ ไม่พูดถึงไม่ได้เลย วันก่อน ฐานเศรษฐกิจ กรุงเทพธุรกิจ เนชั่นทีวี ช่อง 22 จัดสัมมนาTHAILAND servival เราจะรอดจากวิกฤติได้อย่างไร ผู้นำทางธุรกิจบอกว่าเราเจอมรสุมซ้ำซ้อน รอบนี้เช่นกัน มาเป็นระลอกถ้าไล่ตั้งแต่ดิจิตอลดิสรัป สงครามการค้าสหรัฐ-จีน โควิด19 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซ้ำเติมด้วยโลกร้อนที่เราเผชิญอยู่แล้ว แต่เราก็รอดมาได้ทุกครั้ง เที่ยวนี้ทุกคนต้องออกวิ่งทำตัวให้เข้มแข็ง ท่องเที่ยว ส่งออก สินค้าเกษตร อาหารยังมีโอกาส ขณะที่พลังงานสะอาด บีซีจี ธุรกิจรองรับภาวะโลกร้อนจะเป็นทางรอดของธุรกิจไทย รัฐเองต้องหนุนส่งให้เอกชนปรับตัวรับสถานการณ์ให้เข้มแข็ง ไม่ใช่ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง มิฉะนั้นจะพากันกอดคอกันตายไปหมด

*** เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ (ส.อ.ท.) พูดชัด กำลังลุยสมาร์ทอะกริ คัลเจอร์ เกษตรที่สมาร์ทจริงๆ ของประเทศ ผลิตตามออเดอร์ไม่ใช่ผลิตตามมีตามเกิด ที่ภาคอุตสาหกรรมต้องทำเช่นนั้น แน่นอนเราไม่สามารถแยกภาคอุตสาหกรรมออกจากเกษตรชัดเจน แต่ต้องไปด้วยกันเป็นเกษตรอุตสาหกรรม ที่ต้องดำเนินการช่วยเหลือกันให้ได้ตามมาตรฐานตั้งแต่ต้นทาง ที่มีคนเกี่ยวข้องในภาคนี้ครึ่งค่อนประเทศ ฉนั้นต้องทำให้ภาคนี้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งนี่ก็คือทางรอดของประเทศ 


*** ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือ หรือสภาผู้ส่งออก แม้เผชิญวิกฤติปานใด แต่ต้องไทยแลนด์สู้ๆ ส่งออกครึ่งปีแรกโตได้แล้ว 12% ช่วงครึ่งปีหลังลุ้นหนักก็จริง แต่ได้อานิสงส์บาทอ่อน เป็นโอกาสที่ดี และสินค้าเกษตร ข้าว อาหาร ที่เป็นวิกฤติความมั่นคงอาหารอยู่ทั่วโลก ขณะที่น้ำตาลก็มาแรงแซงทางโค้งส่งออกดี ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม ดร็อปบ้างในกลุ่มยานยนต์ที่ติดหล่มเรื่องชิพ แต่ตัวอื่นๆ ก็ทำได้ดี เครื่องนุ่งห่มสิ่งทอ ยังไปได้อีก ตลาดรวมๆ ที่ต้องผลักดัน อาเซียนยังไปได้ อินเดีย ตะวันออกกลางยังต้องลุยกันเต็มที่ มั่นใจทั้งปีส่งออกโตได้แน่ 8% และมีโอกาสไปได้ถึง 10% แต่ทั้งหมดต้องทำงานเชิงรุก ในด้านหาตลาด และบริหารเชิงรับในเรื่องสภาพคล่อง ลดต้นทุน 

*** ปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ชาวนาประมาณ 16 ล้านคน ตอนนี้เจอวิกฤติมาจากข้างนอกทำให้ต้นทุนผลิตสูงขึ้น ปุ๋ย ยา น้ำมัน แต่ราคาขายข้าวเปลือกไม่ขึ้น ยอมรับต้นทุนผลิตแข่งเวียดนามไม่ได้ อยากให้ผู้แทนรัฐบาลช่วยลงมาดูเรื่องต้นทุนให้ซักหน่อย เราไม่มีปากมีเสียง เราก้มหน้าก้มตาทำงานด้วยความอดทน อย่าได้ทอดทิ้งเราเลย 


***เวทีพรรคการเมืองในงานนี้ สุพันธุ์ มงคลสุธี ทีมเศรษฐกิจพรรคสร้างอนาคตไทย บอกว่ารัฐเป็นอุปสรรคโดยเฉพาะกฎระเบียบต่างๆ ต้องยกเลิก ปรับให้เอื้อต่อการทำงานของภาคธุรกิจ  ขณะที่ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย บอกว่า ตอนนี้เราเผชิญวิกฤติหลายครั้งในรอบ 2 ทศวรรษ ทำให้จีดีพีเราโตได้ไม่เกิน 4% ตลอดที่ผ่านมาโดยเฉลี่ย เสนอ 5 ทางออก พึ่งตนเองจากภายใน รักษาเศรษฐกิจชุมชน การจ้างงาน โรงไฟฟ้าชุมชนต้องดันออกมาให้เกิดการจ้างงาน การลงทุน ตามด้วยการดูแลค่าครองชีพ การอุดหนุนช่วยเหลือแบบมีเป้าเฉพาะ การจัดการหนี้ และการปรับโครงสร้างการทำงานของครม.ต้องทำงานแบบไม่แยกส่วน อันนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำในช่วง 7-8 เดือนที่เหลือ ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้านำประเทศออกจากวิกฤติ 


*** พรรคเพื่อไทยเสนอ 6 ก้าวผ่านวิกฤติ แก้วิกฤติเงินเฟ้อ แต่ต้องไม่ทำด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ ทันที ตามด้วยการอัดฉีดมาตรการส่งเสริมท่องเที่ยว ทำไปพร้อมกับการช่วยลดต้นทุนผลิตให้ผู้ประกอบการ ให้สินเชื่อจ้างงาน ช่วยค่าจ้าง ทลายกับดักหนี้ครัวเรือน พักหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ รัฐต้องทำและผลักดันให้ไทยขึ้นเป็นผู้นำอาเซียนเพื่อต่อรองเป็นสะพานเชื่อมซัพพลายเขนโลก เป็นพันธมิตรกับขั้วอำนาจต่างๆ และสุดท้ายยกเครื่องระบบสวัสดิการประเทศ ใหม่ทั้งหมด ที่เอื้อจ้างงาน 6 ขั้น


*** ไม่ใช่ครั้งแรกแต่หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ต้องไม่เกิดขึ้นอีก กรณีอุบัติเหตุคานสะพานลอยกลับรถ กม.34 ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ใกล้กับโรงพยาบาลวิภาราม จังหวัดสมุทรสาคร หล่นทับรถยนต์จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุแบบนี้ซ้ำซาก สำหรับโครงการก่อสร้าง ที่สะท้อนให้เห็นมาตรการดูแลหละหลวม คุณภาพชีวิตคนไทยต่ำเสียเหลือเกิน ออกไปตรงไหนมีความเสี่ยงทั้งหมด นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งย้ำให้ใช้มาตรการความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างอย่างสูงสุด และให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยทุกพื้นที่ของโครงการปรับปรุงสะพาน หรือในบริเวณพื้นที่มีการก่อสร้างเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อประชาชน แหม่น่าจะย้ำไปก่อนหน้านี้ที่เกิดเหตุมาหลายครั้งหลายครา จะได้ป้องกันสูญเสียให้น้อยที่สุด


***น่าสนใจ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ผลักดันโครงการ  Multimedia Online Virtual Exhibition 2022  หรือ มูฟ(MOVE) ให้มีการเจรจาการค้าระหว่างผู้ประกอบธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์ของไทยกับผู้ประกอบการในต่างประเทศ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ สาสร้างมูลค่าการค้าในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ 11,634 ล้านบาท เป็นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ 7,321 ล้านบาท และเป็นอนิเมชั่นกับคาแรกเตอร์ 3,517 ล้านบาท เกมส์ 706 ล้านบาทและ e-learning 90 ล้านบาท รวม 11,634 ล้านบาท อันนี้เป็นหนึ่งในแผนผลักดันซอร์ฟพาวเวอร์ และการก้าวไปสู่ฮับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ของเอเชียในอนาคต


*** ไปปิดท้ายกันที่ ... รณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ CEO แห่ง บมจ.สีเดลต้า หรือ DPAINT ประเดิมลุยตลาดสีทาอาคารใน CLMV ช่วงแรกเจาะหัวเมืองใหญ่ในกัมพูชา ด้วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งแนวราบ และแนวสูง บวกกับกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อ และเมื่อเร็วๆ นี้ได้จับมือคู่ค้าพันธมิตรท้องถิ่นความสัมพันธ์เหนียวแน่นขยายตลาดกลุ่มร้านค้า Traditional Trade ส่งมอบคุณค่าที่มากกว่าสู่ระดับสากล คาดทำยอดขายได้ตามเป้าแ …มากไปกว่านั้น CEO รณฤทธิ์ ยังมองการณ์ไกลเตรียมส่งออกสีทาอาคารให้ครบทั้ง CLMV ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดมูลค่าร่วม 20,000 ล้านบาท ดันนวัตกรรม VAKUUM Technology จากประเทศเยอรมนีให้ก้าวไกลไปอีกขั้น ยัง...ยังมีอีกหลายดีลในมือให้คอยติดตามยอดขาย Q2 นี้ เชื่อว่าโดดเด่นแน่นอน