โบรกชี้เป้า หุ้นได้ประโยชน์ "เพิ่มเพดาน ลดค่าโอนบ้านสูงกว่า 3 ล้าน"

12 ก.ค. 2565 | 10:43 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ค. 2565 | 20:39 น.

"บล.เอเซียพลัส" มองมาตรการเพิ่มเพดานลดค่าโอน-จำนอง บ้านสูงกว่า 3 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อตลาดอสังหามากกว่าเดิมที่เพียง 30% ของตลาดรวม สร้าง Sentiment บวกหุ้นกลุ่มอสังหาฯ กำไรเริ่มฟื้นครึ่งปีหลัง ชี้เป้า 3 หุ้นเด่น SPALI, AP, ORI อัพไซด์-ปันผลสูง ขณะที่ KS เชียร์ SPALI

บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASPS) ระบุในบทวิเคราะห์วันที่ 12 ก.ค.65 ว่า กรณีที่รมว. คลัง เปิดเผยกระทรวงการคลังเตรียมหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)และกระทรวงมหาดไทย ในการพิจารณาขยายมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง และมาตรการ LTV ที่จะสิ้นสุดมาตรการปลายปี2565 

 

นอกจากนี้เตรียมที่จะขยายเพดานลดค่าโอน-จำนอง 0.01% ในการซื้อที่อยู่อาศัยไปยังระดับราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท ด้วยการกำหนดไว้ที่ 3 ล้านบาทแรก เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้ออสังหาฯ ในระดับราคาที่สูงขึ้น โดยจะถึงระดับ 10-20 ล้านบาทหรือไม่นั้น ต้องรอพิจารณาผลการศึกษาอีกครั้งก่อนที่จะประกาศ

ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวคิดข้างต้น การเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายเพดานลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองในอัตราอย่างละ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยมูลค่าสูงกว่า 3 ล้านบาท แม้ไม่ได้สิทธิเต็มมูลค่าทั้งหมด เนื่องจากกำหนดสิทธิไว้ที่ราคา 3 ล้านบาทแรกที่จะได้รับประโยชน์ค่าโอน-จดจำนองในอัตราที่ลดลงเหลืออย่างละ 0.01% แต่ส่วนที่เกินมูลค่า 3 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงเสียค่าธรรมเนียมในอัตราเดิม (ปกติค่าธรรมเนียมโอนฯ อยู่ในอัตรา 2% แบ่งคนละ 1% สำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย ส่วนค่าจดจำนองเป็นภาระของผู้ซื้อ คิดในอัตรา 1% ของวงเงินกู้) 

 

กล่าวคือ บ้านราคา 5 ล้านบาท ได้สิทธิ 3 ล้านบาทแรกสำหรับลดค่าโอนฯ-จดจำนอง ส่วนอีก 2 ล้านบาท เสียค่าธรรมเนียมในอัตราปกติ  แต่แนวทางดังกล่าว ถือเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ซื้อได้มากขึ้น (โดยลดค่าใช้จ่ายได้เกือบ 6 หมื่นบาท) และเป็นแรงจูงใจให้เกิดการขายและโอนฯ มากขึ้นกว่าเดิม 

 

เนื่องจากหากกำหนดสิทธิให้เฉพาะบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อาจไม่ได้ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ได้มากนัก เพราะระดับราคาบ้านกลุ่มนี้ คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของมูลค่าทั้งตลาดรวม จึงประเมินว่าเมื่อมีการขยายเพดานสิทธิสู่บ้านราคาสูงขึ้น น่าจะครอบคลุมตลาดได้ในวงกว้าง

 

โดยสรุปประเด็นข้างต้น ย่อมสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ประกอบกับผลประกอบการที่จะฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี65 มากกว่าในครึ่งแรก ขณะที่การปรับลงของราคาหุ้นในกลุ่ม ทำให้ Valuation ไม่แพง และ Div Yield จูงใจเกิน 5% ต่อปี ถือเป็นระดับมากพอที่ชนะเงินเฟ้อ

 

จึงแนะนำเข้าลงทุนสะสม เลือกหุ้นเด่นที่มีพอร์ตกระจายตัว,Backlog สูง, Upside เกิน 15% และ Div Yield เกิน 5% ต่อปี คือ SPALI (ให้ราคาเป้าหมายที่ 26.90 บาท , AP (ให้ราคาเป้าหมาย 12 บาท ) และ  ORI ( ราคาเป้าหมาย 13 บาท ) 

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย (KS) แนะหุ้น  SPALI (ราคาพื้นฐาน 24.75 บาท) 

 

  • 1.ได้กระแสบวก จากรัฐบาลเตรียมขยายเวลามาตรการผ่อนปรนสำหรับที่อยู่อาศัย 
  • 2.ยอดขายไตรมาส 2/65 ที่ 9.3 พันเพิ่มขึ้น 62% YoY และ 6% QoQ โครงการแนวราบ-คอนโด ฯมียอดขายแข็งแกร่ง ในช่วงโลว์ซีซันของไตรมาส 2 
  • 3.กำไรรายไตรมาสมีทิศทางขาขึ้น จากยอดขายโครงการแนวราบที่แข็งแกร่งและมี upside risk ต่อประมาณการทั้งปี
  • 4. อัตราตอบแทนเงินปันผลที่มากกว่า 6.5%