“บิทคอยน์” ร่วงหลุด 33,000 ดอลลาร์ นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยง

09 พ.ค. 2565 | 20:11 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ค. 2565 | 03:20 น.
2.9 k

“บิทคอยน์” ร่วงหนัก 33,000 ดอลลาร์ ขณะที่ดาวน์โจนร่วง -600 จุด หลังนักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยง เหตุไม่เชื่อเฟดคุมเงินเฟ้อ ฟากนักวิเคราะห์หลายฝ่ายเตือนความไม่แน่นอนต่างๆ ทำนักลงทุนตื่นกลัว

เพจเฟซบุ๊กทันโลกกับ Trader KP รายงานว่า บิทคอยน์ (Bitcoin) ร่วงหลุด 33,000 เหรียญ  Dow Jones ร่วง -600 จุด และ Nasdaq ดิ่ง -2.5% ด้าน Bond Yield ดีดแตะ 3.2% แล้วคืนนี้ หลังนักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเพราะไม่เชื่อว่า FED จะสามารถคุมเงินเฟ้อได้ ซึ่งจะกลายเป็น Black Monday หรือไม่ หลังจากที่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงร่วงลงหนักมากในวันนี้ ทั้งๆที่ตลาดหุ้นสหรัฐยังไม่เปิดตลาดในสัปดาห์นี้


🇺🇸 Dow Jones Futures -550 จุด (-1.7%)
🇺🇸 S&P500 Futures -80 จุด (-2.0%)
🇺🇸 Nasdaq Futures -311 จุด (-2.5%)

 

 

ด้าน Bitcoin และตลาด Crypto ก็ร่วงหนักไม่แพ้กัน จน Bitcoin ใกล้ทดสอบระดับต่ำสุดของปีที่ 32,000 เหรียญแล้ว 
- Bitcoin -5%
- Ethereum -6.3%
- XRP -7%
- Solana -9%
- ADA -10%

น้ำมันดิบ
WTI -3.00 เหรียญ (-2.7%) ลงมาเหลือ 106.5 เหรียญต่อบาร์เรล
 Brent -3.00 เหรียญ (-2.5%) ลงมาเหลือ 109.5 เหรียญต่อบาร์เรล

 

 

ขณะที่ทองคำยังร่วงลงมา -1.3% ในคืนนี้ จน Gold Spot ลงมาอยู่ที่ 1,858 เหรียญต่อออนซ์ เหตุผลที่สินทรัพย์เสี่ยงโดนเทขาย และราคาทองคำซึ่งควรจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ก็ยังโดนเทขายลงมาด้วยก็เพราะว่าดอกเบี้ยกำลังจะเป็นขาขึ้นที่แรงกว่าที่คิด ซึ่งทองคำไม่ใช่สินทรัพย์ที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีในภาวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น เพราะทองคำไม่ได้ให้ดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน ทำให้ยิ่งดอกเบี้ยยิ่งสูง และกำลังจะขึ้นเร็วมากเกินไป ทำให้ทองคำก็จะมีสินทรัพย์คู่แข่งและอาจถูกเทขายออกมาเป็นเงินสดแทน 
 

ทั้งนี้ปัจจัยที่กดดันตลาดอย่างชัดเจนตอนนี้คือ Bond Yield หรือผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีได้ดีดขึ้นไปแตะ 3.2% แล้ว หรือสูงที่สุดในรอบ 5 ปี 

 

“บิทคอยน์” ร่วงหลุด 33,000 ดอลลาร์ นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยง

ส่วน Bond Yield ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากทำสถิติสูงที่สุดไปที่ 3% ในอาทิตย์ที่ผ่านมา นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตร ด้วยความกังวลว่าทาง FED อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาเงินเฟ้อสหรัฐได้สำเร็จ จนทาง FED อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วและสูงกว่าที่คาดไว้มาก (ไม่เชื่อคำพูดของ Jerome Powell ในสัปดาห์ที่ผ่านมา) 

 

 

นอกจากนี้หากเศรษฐกิจยังไม่เติบโตกลับมาจากที่หดตัวไปในไตรมาสที่ 1 สหรัฐก็อาจต้องเจอกับปัญหา "Stagflation" ที่นักลงทุนกลัวไปอีกด้วย ทำให้ไม่อยากถือพันธบัตรในสภาพตลาดเช่นนี้ 
 

“บิทคอยน์” ร่วงหลุด 33,000 ดอลลาร์ นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยง

“แล้วเงินไหลไปไหน ในภาวะตลาดเช่นนี้ นักลงทุนกำลังแห่ถือเงินสด กันมากที่สุด โดย US Dollar Index หรือตะกร้าสกุลเงินสหรัฐได้แข็งค่าขึ้นทะลุ 104 ไปแล้ว หรือทำสถิติที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว หลังนักลงทุนพาทยอยกันขายสินทรัพย์และกลับมาถือเงินสดในมือ ในสถานการณ์แบบนี้เรียกได้ว่าตลาดกำลังปั่นป่วนมาก และไม่มีใครแน่ใจได้ว่า FED จะสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกไว้ได้หรือไม่”

 

 

นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเตือนว่านี่ยังไม่ใช่จุดต่ำสุดของตลาดอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพราะว่าราคาหุ้นหรือราคาสินทรัพย์นั้นแพงเกินไป แต่เป็นเพราะความไม่แน่นอนต่างๆทำให้นักลงทุนตื่นกลัวและเกินการ Panic Sell ต่อเนื่องกันเรื่อยๆได้