เปิดชื่อ 10 กรรมการสอบข้อเท็จจริง ประมูลท่อส่งน้ำ EEC

09 พ.ค. 2565 | 15:54 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ค. 2565 | 00:29 น.
802

“อาคม” เซ็น ตั้ง “วิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย” นั่งประธานสอบข้อเท็จจริงการประมูลโครงการบริหารระบบท่อส่งน้ำอีอีซี พร้อมกำหนด 3 โจทย์ ขีดเส้นส่งผลสอบ 20 พ.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 9 พ.ค.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามในคำสั่งที่ สส 3/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือ อีอีซี โดยให้รายงานผลการดำเนินการให้กระทรวงการคลังทราบภายในวันที่ 20 พ.ค.นี้

สำหรับคณะกรรมการชุดดังกล่าว ประกอบด้วย

1.นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ

2.นายปิยกร อภิบาลตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง  เป็นรองประธานกรรมการ

3.นายวิรัช เกตุนวม หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กรมธนารักษ์ เป็นกรรมการ

4.นายดนัย วิจารณ์ ผู้อำนวยการกองบริหารทรัพยากรบุคคล กรมธนารักษ์ เป็นกรรมการ

5.นายศุภชัย ตั้งวัฒนากร ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีการสำรวจและฐานข้อมูลที่ราชพัสดุ เป็นกรรมการ

6.นายชรินทร เข็มราช นิติกรชำนาญการพิเศษ เป็นกรรมการ

7.นายอาทร ยงกิตติธรากุล เจ้าหน้าที่จัดผลประโยชน์ชำนาญการพิเศษ เป็นกรรมการและเลขานุการ

8.นายพัฒน์พงษ์ อินทร์มั่น เจ้าหน้าที่จัดผลประโยชน์ชำนาญการพิเศษ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

9.นายสยาม โพธิ์เกิด นายช่างสำรวจอาวุโส เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

10.นายนพดล ธรรมโม นิติกรชำนาญการ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

 

โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะทำหน้าที่ ดังนี้

1.ตรวจสอบกระบวนการคัดเลือก ว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

 2.ตรวจสอบทางกายภาพระบบท่อส่งน้ำ สถานีสูบน้ำ และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการส่งมอบและรับมอบ โดยมิให้เกิดผลกระทบต่อการจัดทำระบบสาธารณูปโภคและหรือผู้ใช้น้ำ

3.พิจารณาข้อมูลปริมาณน้ำที่ส่งให้แก่ผู้ใช้น้ำ เปรียบเทียบกับลักษณะทางกายภาพของท่อส่งน้ำว่ารายได้ที่นำส่งเป็นไปอย่างเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด

 

ทั้งนี้ ในหนังสือการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวระบุว่า ด้วยกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการให้บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) เช่า/บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์  2535 และวันที่ 12 ก.ย.2535

 

โดยได้จัดทำสัญญากับบริษัทฯกำหนดระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2537 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2566 ต่อมาบริษัทฯ ได้เปลี่ยนสภาพจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชน และโครงการที่อยู่ระหว่างจัดทำสัญญาเช่า 2 โครงการ คือ โครงการหนองปลาไหล - หนองค้อ และโครงการหนองค้อ - แหลมฉบัง (ระยะที่ ๒)

 

โดยได้กำหนดเงื่อนไขให้บริษัทฯ บริหารจัดการ และชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์กรมธนารักษ์ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการได้ดำเนินการคัดเลือกเอกชน เพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกทั้ง 3โครงการ

 

ตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 กฎกระทรวงการจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2564 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการคัดเลือกเอกขนเพื่อจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุที่มีราคาเกิน 500 ล้านบาท พ.ศ. 2564

 

เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2565 คณะกรรมการที่ราชพัสดุได้มีมติเห็นชอบผลการคัดเลือกผู้บริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกดังกล่าว โดยให้สิทธิการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก มีกำหนตระยะเวลา 30 ปี

 

จึงได้กำหนดให้มีการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2565 และได้มีการเลื่อนการลงนามสัญญาโครงการๆ เนื่องจากปรากฏตามสื่อมวลชนต่างๆว่า ยังมีข้อสงสัยในการดำเนินการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก

 

เพื่อให้เกิดความกระจ่างในเรื่องดังกล่าว จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่ม โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกดังกล่าว