ทองคำนิวยอร์กปิดร่วง 24.2 ดอลล์ นักลงทุนเทขาย เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งกดดันตลาด

15 มี.ค. 2565 | 07:15 น.
อัปเดตล่าสุด :15 มี.ค. 2565 | 14:17 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สองในวันจันทร์ (14 มี.ค.) นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ฉุดตลาด

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 24.2 ดอลลาร์ หรือ 1.22% ปิดที่ 1,960.8 ดอลลาร์/ออนซ์
         

  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 86.2 เซนต์ หรือ 3.3% ปิดที่ 25.298 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 36.3 ดอลลาร์ หรือ 3.33% ปิดที่ 1,052.3 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 379.20 ดอลลาร์ หรือ 13.5% ปิดที่ 2,417.60 ดอลลาร์/ออนซ์

         

นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย และหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ท่ามกลางความหวังที่ว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนจะมีความคืบหน้า
         

ด้านนายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เปิดเผยว่า การเจรจาสันติภาพรอบที่ 4 ระหว่างยูเครนและรัสเซียซึ่งจัดขึ้นในเมื่อวานนี้ได้เสร็จสิ้นลงโดยยังไม่ได้ข้อสรุป และทั้งสองฝ่ายจะพักการเจรจาชั่วคราว ก่อนที่จะเริ่มการเจรจาครั้งใหม่ในวันนี้ (15 มี.ค.) โดยการเจรจาสันติภาพในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องให้รัสเซียทำการหยุดยิงและถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากยูเครน
 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
         

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.105% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2562
         

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 มี.ค. ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2561