ดาวโจนส์ปิดร่วง 518.17 จุด หลังหุ้นเฟซบุ๊กดิ่งลงกว่า 26%

04 ก.พ. 2565 | 06:59 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ก.พ. 2565 | 14:00 น.

"หุ้นเฟซบุ๊ก" ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 3.7% หลังบริษัทเมตา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เผยผลประกอบการน่าผิดหวัง ส่งผลให้หุ้นเฟซบุ๊กรูดลงกว่า 26% มูลค่าตลาดสูญกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,111.16 จุด ลดลง 518.17 จุด หรือ -1.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,477.44 จุด ลดลง 111.94 จุด หรือ -2.44% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,878.82 จุด ลดลง 538.73 จุด หรือ -3.74%
          

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากเฟซบุ๊กเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 3.67 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 3.84 ดอลลาร์ ขณะที่ยอดผู้ใช้งานรายวันลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.93 ล้านราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.95 ล้านราย
 

เฟซบุ๊กระบุว่า ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยด้วยกัน ซึ่งรวมถึงการที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ เปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวด้วยการอัปเดตระบบปฏิบัติการบน iPhone เป็น iOS 14.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ด้านโฆษณาของเฟซบุ๊ก เนื่องจากซอฟต์แวร์ iOS 14.5 กำหนดให้ผู้ใช้งานต้องให้ความยินยอมก่อนที่แอปพลิเคชันต่าง ๆ จะสามารถติดตามข้อมูลของผู้ใช้งาน
 

ผลประกอบการที่ย่ำแย่ส่งผลให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กปิดตลาดร่วงลง 26.39% และทำให้มูลค่าตลาดของเฟซบุ๊กหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังได้ฉุดราคาหุ้นของบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียดิ่งลงด้วย โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.9% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.67% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 3.32 หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 5.56% หุ้นสแนป ทรุดตัวลง 23.6% หุ้นพินเทอเรสต์ ร่วงลง 10.32%
         

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง หลังจากเพย์พาล (Paypal) เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 1.11 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.12 ดอลลาร์ โดยหุ้นเพย์พาล ร่วงลง 6.24% หุ้นบล็อค อิงค์ (Block Inc) ดิ่งลง 11% หุ้นแอฟเฟิร์ม โฮลดิ้งส์ (Affirm Holdings) ร่วงลง 5.58% และหุ้นโซฟี เทคโนโลยีส์ (SoFi Technologies) ร่วงลง 4.85%
         

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 238,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 245,000 ราย และต่ำกว่าตัวเลขที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 261,000 ราย
 

ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 59.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.5 หลังจากแตะระดับ 62.3 ในเดือนธ.ค.
         

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%