“อาคม”ย้ำใช้มาตรการคลัง กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศต่อเนื่อง

19 ธ.ค. 2564 | 16:13 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ธ.ค. 2564 | 23:13 น.

“อาคม” ย้ำยังใช้มาตรการคลัง กระตุ้นการบริโภคในประเทศต่อเนื่อง แต่ตองทำแบบรอบคอบ เผยมีเม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาท กระตุ้นลงทุน มั่นใต ปีหน้าเศรษฐกิจฟื้นตัวแน่ ขยายตัว 4% จากการท่องเที่ยว

ในงานสัมมนา ทางรอด 2022 Survival Guide ซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวปาฐกถาพิเศษว่า หลังการเปิดประเทศของรัฐบาล มีการเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของประเทศ  ซึ่งมั่นใจว่า ปี2565 รายได้จากการท่องเที่ยวจะทำให้เศรษฐกิจ (จีดีพี) ฟื้นตัวดีขึ้น และฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในปี 2566  ด้วยตัวเลขนักท่องเที่ยวหลัก 10 ล้านคน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

“ตัวเลขจีดีพี 9 เดือนออกมาแล้วว่า ขยายตัวได้ที่  1.3%  จากการเปิดประเทศ 1 พ.ย. ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามา  แม้ไม่มากเท่าไหร่ และไม่ได้ดาดหวังว่าปี 2565 จะขึ้นไปถึง 40 ล้านคนได้ แต่การฟื้นตัวของท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศจะค่อยเป็นค่อยไป ปี 65 จะขึ้นหลักล้านคน และปี 66 จึง จะเห็นหลัก 10 ล้านคนขึ้นไปและจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป”นายอาคมกล่าว

ดังนั้น ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ มองว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) จะสามารถขยายตัวได้ที่  1%  และขยายตัวต่อเนื่องในปีหน้า อย่างน้อย 4% โดยรัฐบาลจะใช้มาตรการทางการคลังดูแลกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการบริโภคภายในถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการพยุงเศรษฐกิจ แต่กระทรวงการคลัง จะใช้นโยบายการเงินการคลังอย่างระมัดระวัง แต่มั่นใจว่า จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างแน่นอนและจะต้องเป็นการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

 

ทั้งนี้ การบริโภคในประเทศมีสัดส่วนประมาณ 50% ของจีดีพี แต่ได้รับผลกระทบทั้งกำลังซื้อที่หายไปจากนักทองเที่ยวต่างชาติ คนไทยที่มาจากผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์หรือ  การจำกัดกิจกรรมต่างๆ ทั้ง ร้าานอาหาร ผับ บาร์ ทำให้การบริโภคลดลง รัฐบาลจึงได้อัดเม็ดเงินในการใช้จ่ายภาครัฐผ่านเงินกู้ 2 ฉบับ 1.5 ล้านล้าน เพื่อเยียวยาประชาชนและพยุงการบริโภคในประเทไม่ให้ตกต่ำ”นายอาคมกล่าว

นอกจากนี้ จะเดินหน้าการลงทุนภาครัฐ ด้วยวงเงิน 1 ล้านล้านบาท โดยเป็นเป็นเม็ดเงินจากงบประมาณ 6 แสนล้านบาท งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3 แสนล้านบท และอีก 1 แสนล้านเป็นเงินกู้ที่สามารถกู้ได้ถึง 30 ก.ย. 65 เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจภายในประเทศได้ โดยรัฐบาลจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจากการพึ่งพาต่างประเทศเป็นการขับเคลื่อนภายในประเทศให้มีความเข้มแข็ง ด้วยเศรษฐกิจฐานรากทั้งในส่วนของเกษตรกรและ SMEs