คลัง จับตา “โอไมครอน” ยังมั่นใจงบฯรัฐ 1 ล้านล้าน ดัน GDP ปี 65 โต 4%

29 พ.ย. 2564 | 15:35 น.
อัปเดตล่าสุด :29 พ.ย. 2564 | 22:46 น.

คลัง มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 65 โต 4% ไม่ไกลเกินเอื้อม ชี้ยังมีเม็ดเงินลงทุนภาครัฐ และ พ.ร.ก. กู้เงินฉบับที่ 2 เข้าสู่ระบบปี 65 รวมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท พร้อมจับตาความรุนแรง “โอไมครอน” วอนทุกฝ่ายร่วมมือการ์ดไม่ตก

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานเสวนาออนไลน์ “(นาที)ลงทุน โค้งสุดท้ายปี 64” ว่า ขณะนี้หลายประเทศกำลังจับตาการแพร่ระบาดและความรุนแรงของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่มีการแพร่กระจายได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ในแง่ของความรุนแรงนั้นยังต้องรอการพิสูจน์และยืนยันจากองค์การอนาโลกอีกครั้ง รวมทั้งวัคซีนที่มีในปัจจุบันจะสามารถป้องกันได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งหลังการพบการระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าวก็ทำให้เกิดความตกใจของนักลงทุนทั่วโลกรวมทั้งไทย สะท้อนจากตลาดหุ้นที่ติดลบทั่วโลก

 

อย่างไรก็ตามรัฐบาลคงรอให้การระบาดลดลงจนเหลือศูนย์แล้วค่อยเปิดประเทศไม่ได้ แต่รัฐบาลพยายามสร้างความสมดุลด้านเศรษฐกิจควบคู่กับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส-19 ทั้งนี้วิกฤตที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ทั้งวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และวิกฤตต้มยำกุ้ง ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีในการฟื้นเศรษฐกิจ ขณะที่วิกฤตโควิดเศรษฐกิจไทยใช้เวลาในการฟื้นตัวน้อยกว่า 2 วิกฤตที่ผ่านมา โดยหลายหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชนทั้งในและต่างประเทศ ต่างคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 64 จะขยายตัวได้ 1% และ ปี 65 จะขยายตัวได้ 3.5% - 4.5%

ทั้งนี้สาเหตุที่เศรษฐกิจไทยไม่ติดลบมาก แม้ภาคการท่องเที่ยวที่คิดเป็น 12% ของจีดีพี จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะภาคการส่งออกของไทยยังขยายตัวได้ดี โดยคาดว่าในปี 64 ส่งออกไทยจะขยายตัวได้ 17% ซึ่งสูงสุดในรอบ 12 ปี ขณะเดียวกับรัฐบาลยังได้ดำเนินมาตรการพยุงการบริโภคไม่ให้ติดลบมาก ผ่านมาตรการทางการคลัง โดยการโอนเงินให้กับประชาชนโดยตรง เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ในโครงการ เราไม่ทิ้งกัน ในปี 2563 และโครงการเราชนะ ในปี 64 ซึ่งเป็นนโยบายที่ต่างประเทศก็ทำกัน นอกจากนี้รัฐบาลยังมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและกระตุ้นการใช้จ่าย ผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน  ชิมช็อปใช้ คนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้

 

“การที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยเดินคู่กับโควิด-19 ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราการ์ดตกไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโอไมครอน ดังนั้นการตรวจเข้มยังจำเป็น ในส่วนของเศรษฐกิจจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือระหว่างกาครัฐและเอกชน ซึ่งก็ไดรับความร่วมมืออย่างดีจากสภาหอการค้า สภาอุตฯ เชื่อว่าในปี 65 การรวมพลังทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อจะทำให้เศรษฐไทยยืนอยู่ได้ และทำให้เติบโตได้ 4% ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม” นายอาคม กล่าว

คลัง จับตา “โอไมครอน” ยังมั่นใจงบฯรัฐ 1 ล้านล้าน ดัน GDP ปี 65 โต 4%

 

อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ในปี 65 การใช้มาตรการกระตุ้นอาจลดลง เพราะธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ก็จะส่งผลดีต่อภาคแรงงานให้กลับเข้าสู่ระบบ โดยตัวที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 65 คือ เม็ดเงินเบิกจ่ายจากรัฐบาลรวมอีกกว่า 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น เม็ดเงินลงทุนภาครัฐ 6 แสนล้านบาท เม็ดเงินลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3 แสนล้านบาท และเม็ดเงินจาก พ.ร.ก. กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 ฉบับที่ 2 ที่ยังมีเหลืออยู่อีกกว่า 2 แสนล้านบาท โดยการลงทุนภาครัฐ จะมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ก่อสร้างถนน ก่อสร้างระบบชลประทาน เป็นต้น

 

ทั้งนี้สิ่งที่จะเห็นในปี 65 ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน คือ ความต่อเนื่องการลงทุนในระบบขนส่งมวลชน ทั้งโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะสายสีชมพู และสายสีเหลือง ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการแน่นอน เพราะเป็นการลงทุนของภาคเอกชน ที่จะเร่งทำเพื่อลดต้นทุน เพราะทำเร็วแค่ไหน ก็จะมีรายได้เร็วเท่านั้น

 

ส่วนสิ่งที่จะได้เห็นในแง่ของรัฐบาล ในช่วงต้นปี 65 คือ 1.ความชัดเจนของนโยบายรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะมีการใช้มาตรการทางการคลังในเรื่องของภาษีเข้าไปช่วยทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าไม่แพง หรือมีราคาใกล้เคียงกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป ซึ่งเป็นไปตามนโยบายทั่วโลกที่มุ่งไปที่รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดการปล่ยก๊าซ CO2 ในภาคขนส่ง และ 2.การดำเนินนโยบายสังคมดิจิทัล ที่จะเห็นความเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะในการดำเนินนโยบายและการบริการของภาครัฐ และสิ่งที่จะเห็นต่อไป คือ การพัฒนาโครงสร้างดิจิทัลของตลาดทุน จะเริ่มเห็นความเข้มข้นเรื่องฟินเทค และตลาดคริปโต มีความคึกคักมากขึ้น

 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเศรษฐกิจปี 65 โดยการเติบโตของ GDP ที่ 4% จะต้องเป็นการเติบโตแบบทั่วถึงในทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะเศรษฐกิจชุมชน การสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคการเกษตรไทย การสร้างงานสร้างอาชีพใหม่ให้กับแรงงานที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ และการสร้างรายได้เพิ่มในผู้ที่ต้องการอยู่ในอาชีพเดิม

 

นอกจากนี้ในต้นปี 65 รัฐบาลเตรียมออกนโยบายดึงดูดการท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเน้นไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูงและต้องอาการพักอาศัยอยู่ในไทยนานๆ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยทำให้เศรษฐกิจในต่างจังหวัดกัลบมาฟื้นตัวได้เร็วที่สุดและช่วยได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ขณะเดียวกันยังเดินหน้าเชื่องโยงโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพระหว่างไทยและประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง และในอาเซียน เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้ผู้ประกอบการไทย