EXIM BANK เปิดตัวแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ สร้างผู้ส่งออกป้ายแดง

30 ก.ย. 2564 | 18:54 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2564 | 01:54 น.

EXIM BANK เร่งสร้างผู้ส่งออกรายใหม่สู่ตลาดโลก เปิดตัวแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ “EXIM Thailand Pavilion” พร้อมบริการครบวงจร สร้าง “ผู้ส่งออกป้ายแดง” รุกตลาดโลกยุค Next Normal

นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานกรรมการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า โควิด-19 ได้เร่งการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เชื่อมโยงสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด ทำให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่า มูลค่าการค้าจะสูงถึง 4.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และ 7.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 เทียบกับ 3.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 และ 4.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563

นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

 

EXIM BANK จึงริเริ่มให้มี “EXIM Thailand Pavilion”  บน Alibaba.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ของการค้าออนไลน์ที่ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงได้ เป็นการช่วยย่นระยะทางและระยะเวลาการติดต่อธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ซื้อในต่างประเทศ ช่วยสร้างผู้ส่งออกรายใหม่หรือผู้ส่งออกป้ายแดงของไทยได้มากขึ้นกว่าจำนวนที่มีอยู่ในปัจจุบันเพียงไม่ถึง 1% จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งประเทศ 3 ล้านราย

ทั้งนี้ EXIM BANK จะให้การสนับสนุนด้านข้อมูลความรู้ เงินทุน ตลอดจนเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกรายใหม่สามารถค้าขายในทุกตลาดอย่างมั่นใจ มีความพร้อมด้านสภาพคล่องและได้รับความคุ้มครองกรณีไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยเฉพาะคู่ค้ารายใหม่ที่เพิ่งติดต่อและตกลงค้าขายระหว่างกันทางออนไลน์

 

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า จากจำนวนผู้ส่งออก SMEs ไทยที่มีไม่ถึง 1% ของทั้งระบบ ขณะที่ผู้ส่งออกไทยที่ค้าขายออนไลน์ระหว่างประเทศก็มีจำนวนน้อยมาก เทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน อาทิ เวียดนาม มีจำนวนผู้ส่งออก SMEs สูงถึง 10% ของ SMEs ทั้งประเทศเวียดนาม นับเป็นสัดส่วนสูงกว่าไทยถึง 10 เท่า อีกทั้ง 30% ของ SMEs เวียดนามค้าขายออนไลน์ระหว่างประเทศแล้ว

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK

 

จึงเห็นได้ว่า การค้าออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ยังคงดำเนินต่อไปได้ โดยเฉพาะในวิกฤตโควิด-19 ประกอบกับการเกิดปรากฏการณ์อภิมหาการลาออก (Great Resignation) และคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะประชากร Gen Z วัย 15-21 ปีในปัจจุบัน ต้องการเป็นเจ้าของกิจการ ทำให้การค้าออนไลน์ของโลกในปี 2563 ขยายตัวอย่างรวดเร็วถึง 24%

ขณะที่การค้าโลกหดตัว 9% ยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยทางออนไลน์ต่อยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยรวมเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 12% ในปี 2562 เป็น 23% ในปี 2563 และคาดว่าจะสูงถึง 30% ในปี 2568 จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs จะเร่งรุกตลาดส่งออกออนไลน์ซึ่งตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคและการใช้ชีวิตในรูปแบบวิถีใหม่

EXIM BANK เปิดตัวแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์  สร้างผู้ส่งออกป้ายแดง

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ยังค้าขายออนไลน์ในประเทศเป็นหลัก ทั้งที่ตลาดในประเทศมีข้อจำกัดหลายประการ ทั้งขนาดตลาดที่ไม่ใหญ่ด้วยประชากรเพียง 66 ล้านคน คิดเป็น 10% ของอาเซียนและ 0.9% ของโลก ขณะที่ขนาดเศรษฐกิจไทยมีเพียง 16% ของอาเซียนหรือ 0.6% ของโลก อีกทั้งยังเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยไม่คึกคักเหมือนในอดีต

 

ในทางกลับกัน ตลาดโลกมีความน่าสนใจกว่ามาก แต่การค้าส่วนใหญ่เกิดขึ้นทางออนไลน์ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 24% ขณะที่การค้าโลกหดตัวรุนแรงถึง 9% ในปี 2563 ตัวอย่างเช่น จีนมีมูลค่าตลาดการค้าออนไลน์ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สหรัฐอเมริกา 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และอินเดีย 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้ประกอบการไทยจึงไม่ควรมองข้ามโอกาสในการค้าขายให้แก่ผู้ซื้อในประเทศต่าง ๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นการกระจายตลาด สร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ และลดการพึ่งพาตลาดในประเทศที่ขยายตัวได้ยาก

 

EXIM BANK จึงร่วมกับ Alibaba จัดทำโครงการ “EXIM Thailand Pavilion” ขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีช่องทางนำสินค้าไปขายบนแพลตฟอร์มการค้าระดับโลก ภายใต้บัญชีสมาชิกของ EXIM BANK เมื่อมีผู้ซื้อจากต่างประเทศติดต่อให้ความสนใจสินค้า ระบบจะทำการแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบผ่านช่องทาง SMS และ E-mail ทันที โดย EXIM BANK เป็นผู้สนับสนุนค่าสมาชิก พร้อมจัดให้มีทีมงานบริหารร้านค้าและทำการประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ฟรี! 1 ปีเต็ม

 

นอกจากนี้ EXIM Thailand Pavilion ยังเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริษัทจัดจำหน่ายสินค้า (Trading) และผู้ให้บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง (Fulfillment) ทั้งในและต่างประเทศ ช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการของไทยเทียบเท่ามาตรฐานสากลโดยเชื่อมโยงกันภายใต้ Supply Chain ของ E-Commerce โลก

 

ทั้งนี้  EXIM Thailand Pavilion เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ EXIM BANK ริเริ่มและพัฒนาขึ้น เพื่อสร้างทางรอดให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs มีช่องทางขายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ระดับโลก Alibaba.com สามารถเข้าถึงผู้ซื้อจำนวนกว่า 26 ล้านราย เน้นการขายส่งระหว่างผู้ผลิตกับธุรกิจต่าง ๆ เฉลี่ยต่อวันมากกว่า 400,000 รายการ ผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับโอกาสเข้าไปอยู่ใน Supply Chain ของ E-Commerce โลก สอดรับกับเมกะเทรนด์ของโลกที่เรียกว่า Next Normal ในระยะถัดไป

 

“EXIM BANK จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อเตรียมความพร้อมให้ SMEs ไทยสามารถเริ่มต้นส่งออกครั้งแรกบน EXIM Thailand Pavilion และขยายการส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ช่วยสร้างรายได้และชื่อเสียงให้แก่สินค้าไทยในเวทีการค้าโลก” นายรักษ์กล่าว