หลักทรัพย์บัวหลวง แนะลงทุนหุ้นเวียดนาม รับเศรษฐกิจโตแกร่ง

23 ก.ค. 2564 | 20:18 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2564 | 03:18 น.
621

[หลักทรัพย์บัวหลวง แนะจับจังหวะลงทุนหุ้นเวียดนาม ผ่าน DR “E1VFVN3001" รับตัวเลขเศรษฐกิจปี 2564 มีเสถียรภาพ และตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ในจุดที่น่าสนใจ ค่า P/E ดัชนี VN30 ต่ำเพียง 14 เท่า เผย กระแสตอบรับ DR ดีต่อเนื่อง มูลค่าตลาดขยายตัว 11 เท่า นับตั้งแต่ IPO เมื่อสิ้นปี 2561

นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า นักลงทุนไทยที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม  การลงทุนใน “ตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ” หรือ Depositary Receipt (DR) ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเพิ่มผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด(มหาชน)

 

ทั้งนี้ DR เป็นตราสารที่หลักทรัพย์บัวหลวงเป็นผู้ออกเจ้าแรกและเจ้าเดียวของไทย โดยใช้สัญลักษณ์ว่า “E1VFVN3001” ที่มีหลักทรัพย์รับฝากเป็นกองทุนรวม ETF ที่อ้างอิงดัชนี VN30 สะท้อนหุ้นชั้นนำ 30 บริษัทแรกในเวียดนาม

 

สำหรับประเด็นบวกที่หนุนการลงทุนหุ้นเวียดนาม มีด้วยกันหลากหลายปัจจัย เช่น

1.ภาวะเศรษฐกิจเวียดนาม ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ดาวรุ่งแห่งเอเชีย” แม้ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์โควิด-19 แต่ตัวเลข GDP ยังเติบโตเป็น “บวก” สะท้อนจากไตรมาส 2 ปี 2564 ที่มีอัตราเติบโต 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ล่าสุดรัฐบาลเวียดนามยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตของ GDP ทั้งปี 2564 ระดับ 6.5% หนุนโดยภาคส่งออก หลังเวียดนามมีการเปิดประเทศ เพื่อทำการค้าเสรีมากขึ้น ปัจจุบันอยู่อันดับ 3 ของโลก รองจากประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง โดยในเดือนพ.ค.2564 เวียดนาม   มีมูลค่าส่งออกโต 36.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคาดว่าในปี 2564 ตัวเลขส่งออกอาจเติบโตประมาณ 22%

 

2.รัฐบาลเวียดนามยังมีนโยบายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ โดยในช่วง 5 ปีข้างหน้า วางเป้าหมายการลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

3.การบริโภคภายในประเทศมีแนวโน้มเติบโตเกือบ 3 เท่า เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้า จำนวนประชากรชนชั้นกลางอาจขยายตัวประมาณ 2 เท่า

4.รัฐบาลเวียดนามยังคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง

5.ปัจจุบันหุ้นหลายๆ ตัว ในเวียดนามมีความสนใจ สะท้อนจากราคาที่ยังคงมีอัพไซด์ เช่น หุ้น Vincom Retail (VRE) ซึ่งดำเนินธุรกิจคล้ายหุ้น CPN ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นไทย, หุ้น Digiworld Corp (DGW) ผู้นำค้าปลีกไอทีที่มีโครงสร้างธุรกิจคล้ายหุ้น COM7 และหุ้น Viettel Post (VTP) ทำธุรกิจขนส่งที่เติบโตตามธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ปัจจุบันหุ้นเด่น 3 ตัว มีค่า P/E        ไม่สูงเฉลี่ย 28 เท่า 13 เท่า และ 20 เท่า ตามลำดับ

 

ฉะนั้นถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน โดยที่  DR “E1VFVN3001”  มีจุดเด่นคือ ผู้ลงทุนไทยสามารถซื้อขาย  ได้เหมือนหุ้นไทย ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 10.30-16.30 น. โดยไม่มีพักกลางวัน สร้างโอกาสการลงทุนในหุ้นชั้นนำ 30  ตัวแรกของเวียดนามที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น E1VFVN30 ETF อีกด้วย

“ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเวียดนามมีพัฒนาการที่ดีต่อเนื่อง สะท้อนจากตัวเลขมูลค่าตามราคาตลาด(Market Capitalization) ที่โตเกือบ 6 เท่า ปัจจุบันมีมูลค่า 2.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทจดทะเบียนขยายตัว 2 เท่า จาก 795  บริษัท เป็น 1,671 บริษัท”นายรัฐศรัณย์ กล่าว

 

ขณะที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ของดัชนี VN30 ก็อยู่ระดับต่ำเพียง 14 เท่า ซึ่งถูกกว่าเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ ที่สำคัญทางการยังมีมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามน่าสนใจในสายตาผู้ลงทุน

 

ปัจจุบันผู้ลงทุนไทยให้ความสนใจลงทุนใน DR “E1VFVN3001” อย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากตัวเลขมูลค่าตลาดที่เติบโตประมาณ 11 เท่า โดย ณ วันที่ 2 ก.ค.2564 มีมูลค่าตลาดระดับ 7,008 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2561 ที่มีมูลค่าตลาดราว 600 ล้านบาท            

 

ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุน ย้อนหลัง 2 ปี อยู่ในระดับ 85% สูงกว่ากองทุนรวมในประเทศไทยที่ออกไปลงทุนหุ้นเวียดนามที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 40-68% ในแง่ของจำนวนผู้ลงทุน ปัจจุบันเติบโตกว่า 1.5 หมื่นราย