“สินเชื่ออิ่มใจ” ช่วยร้านอาหาร ดอก 3.99% ปลอดต้น-ดอก 6 เดือนแรก

06 ก.ค. 2564 | 14:59 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ค. 2564 | 22:33 น.
1.0 k

คลัง เผย ครม. เห็นชอบมาตรการ “สินเชื่ออิ่มใจ” ผ่าน ธ.ออมสิน ดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี ปลอดต้น-ดอก 6 เดือนแรก ช่วยผู้ประกอบการร้านอาหาร เครื่องดื่มที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่ง ศบค. ห้ามนั่งกินในร้าน คาดมีผู้ประกอบการเข้าร่วม 4 หมื่นราย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการ “สินเชื่ออิ่มใจ” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่ง ศบค. ห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านแต่ยังซื้อกลับบ้านได้ สำหรับมาตรการ “สินเชื่ออิ่มใจ” วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่เป็นร้านจำหน่ายแบบถาวร เช่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารที่เปิดในห้องแถวหรืออาคารพาณิชย์ ภัตตาคาร ร้านที่มีลักษณะเป็นบูธ เป็นต้น ด้วยหลักเกณฑ์ที่ผ่อนปรนกว่าสินเชื่อปกติวงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุด 100,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 3.99 ต่อปี (Effective Rate) ระยะเวลากู้ไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก รับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 คาดจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมมาตรการประมาณ 40,000 ราย วงเงินสินเชื่อเฉลี่ยรายละ 50,000 บาท

อาคม  เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง

สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่เป็นร้านแบบเคลื่อนที่ได้ เช่น หาบเร่ แผงลอย รถเข็น เป็นต้น สามารถเข้าร่วมมาตรการสินเชื่อผ่อนปรนของรัฐบาลที่มีอยู่ ได้แก่ มาตรการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อวงเงิน 10,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ยร้อยละ 0.35 ต่อเดือน ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนแรก รับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 หรือโครงการอื่น ๆ ที่ธนาคารออมสินดำเนินการเอง เช่น สินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน สินเชื่อ Street Food เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนและผู้ประกอบการให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั่วถึง และเพียงพอ โดยได้มีการติดตามผลการดำเนินมาตรการอยู่เป็นระยะ รวมถึงพิจารณาข้อจำกัด ปัญหาอุปสรรคของการดำเนินมาตรการ และผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด เพื่อปรับปรุงและออกมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อดูแลประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงทีต่อไป