ธนาคารกรุงไทยค่าเงินบาท เปิดเช้านี้ "แข็งค่า"ที่ 32.16บาท/ ดอลลาร์สหรัฐ

05 ก.ค. 2564 | 07:19 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2564 | 17:42 น.

ธนาคารกรุงไทยระบุอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง จากแรงกดดันทั้ง เงินดอลลาร์ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติและCOVID-19

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.16 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่า”ขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า  ที่ระดับ 32.19 บาทต่อดอลลาร์ -มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.00-32.50 บาท/ดอลลาร์ และวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.10-32.25 บาท/ดอลลาร์

 

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทย ระบุว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัญหาการระบาดของ COVID-19 ได้กดดันให้ตลาดการเงินของหลายประเทศอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ขณะที่ ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สดใส ยังสามารถหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อได้

 

สำหรับสัปดาห์นี้ ควรติดตามปัญหาการระบาดของ COVID-19 ทั่วโลก เพราะสถานการณ์การระบาด COVID-19 ที่เลวร้ายลงอาจกดดันให้ตลาดเดินหน้าปิดรับความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามรายงานการประชุมเฟดล่าสุด เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเฟด

โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้

 

ฝั่งสหรัฐฯ – เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ต่อเนื่อง สะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ โดย ISM (Services PMI) ที่ระดับ 63.5 จุด (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึงการขยายตัว) ขณะเดียวกัน การทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ก็ส่งผลให้ภาคธุรกิจกลับมาดำเนินกิจการได้อีกครั้ง ทำให้ความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOTLS Job Openings) พุ่งขึ้น สู่ระดับ 9.3 ล้านตำแหน่ง นอกเหนือจาก รายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะติดตาม รายงานผลการประชุมเฟดเดือนมิถุนายน โดยเฉพาะรายละเอียด เกี่ยวกับการลดคิวอี (QE Tapering) รวมถึงแนวโน้มการทยอยขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ว่า เฟดจะใช้ข้อมูลใดเป็นหลักในการช่วยตัดสินใจ รวมถึง แผนการลดคิวอีและแนวทางการสื่อสารกับตลาดการเงิน เป็นต้น นอกจากนี้ ตลาดจะติดตาม แนวโน้มการระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐฯ มากขึ้น หลังมีการพบการระบาดสายพันธุ์ Epsilon ที่สามารถแพร่กระจายได้เร็ว และยังต้านทานวัคซีน mRNA ได้

 


 

ทางด้านฝั่งยุโรป – แม้ว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปยังสดใส จากการเร่งแจกจ่ายวัคซีน รวมถึงการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown สะท้อนผ่าน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (Services PMI) เดือนมิถุนายน ที่ยังอยู่ในระดับ 58 จุด และ 61.7 จุด สำหรับอังกฤษ (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) แต่ต้องระวังและติดตามแนวโน้มการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Delta และ การเร่งแจกจ่ายวัคซีน ว่าจะสามารถควบคุมปัญหาการระบาดได้หรือไม่ เพราะหากการระบาดทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจทำให้รัฐบาลของหลายประเทศต้องใช้นโยบายควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น กดดันให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้ในระยะสั้น ทั้งนี้ เรามองว่า ประเทศในโซนยุโรป รวมถึงอังกฤษ อาจเผชิญปัญหาการระบาดไม่นาน เพราะประชากรเกิน 50% ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส และเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้หากเร่งแจกจ่ายวัคซีนให้เร็วขึ้นและเร่งการตรวจโรค ก็จะสามารถคุมการระบาดได้เร็ว กว่าประเทศในฝั่งเอเชีย หรือ อเมริกาใต้ ที่ยังแจกจ่ายวัคซีนได้ไม่ดี และวัคซีนที่แจกไปเยอะแล้วนั้น ก็ประสิทธิภาพต่ำในการรับมือ Delta อนึ่ง ปัญหาการระบาดของ COVID-19 ล่าสุด อาจกดดันให้ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Sentiment) เดือนกรกฎาคม จะปรับตัวลดลง สู่ระดับ 27 จุด ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) เดือนกรกฎาคม จะปรับตัวลดลง สู่ระดับ 76 จุด เช่นกัน

ส่วนในฝั่งเอเชีย – เศรษฐกิจในหลายประเทศที่กำลังเผชิญปัญหาการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงได้ ซึ่งระยะเวลาที่เศรษฐกิจจะซบเซาลงนั้น ก็ขึ้นอยู่กับแผนการรับมือการระบาดของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ดี เพื่อประคับประคองการฟื้นตัวเศรษฐกิจ เรามองว่า บรรดาธนาคารกลางในฝั่งเอเชียจะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป โดยในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Cash Rate) ไว้ที่ระดับ 0.10% พร้อมทั้งควบคุมยีลด์เคิร์ฟ (Yields Curve Control) โดยคงเป้าหมายบอนด์ยีลด์ 3 ปี ไว้ที่ระดับ  0.10% ส่วนในฝั่งธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) ก็มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Overnight Rate) ไว้ที่ระดับ 1.75% หลังมาเลเซียเจอการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ที่รุนแรง

ในฝั่งไทย – ปัญหาการระบาดของ COVID-19 ที่กดดันให้เศรษฐกิจกลับมาซบเซาอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายจากภาครัฐ (ลดค่าน้ำ ค่าไฟ) จะกดดันให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายน ชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.20% จาก 2.44% ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ควรติดตามสถานการณ์การระบาด COVID-19 และแผนการแจกจ่ายวัคซีนอย่างใกล้ชิด

 

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนและมีโอกาสเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง โดยในส่วนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่านั้นอาจมาจากทั้ง เงินดอลลาร์ และ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ

 

โดยเรามองว่า เงินดอลลาร์พร้อมกลับมาแข็งค่าต่อ จากปัญหาการระบาดของ COVID-19 เลวร้ายลงในยุโรปหรือเอเชีย ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่นๆ  หรือ ตลาดกังวลปัญหาการระบาดทั่วโลก จนกลับมาปิดรับความเสี่ยง ก็จะเป็นปัจจัยหนุนเงินดอลลาร์ ตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

 

ขณะเดียวกัน ในส่วนของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ปัญหาการระบาดในไทย ก็จะยิ่งกระตุ้นแรงขายสุทธิสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ กดดันให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงได้ จนกว่าการแจกจ่ายวัคซีนจะเร่งตัวขึ้นได้ดีขึ้น (อย่างน้อยเฉลี่ยวันละ 5 แสนโดสขึ้นไป หากต้องการให้ถึงเป้าหมายสร้างภูมิคุ้มกัน 50% ของประชากรภายในปีนี้)

 

อย่างไรก็ดี แนวต้านสำคัญยังอยู่ในโซน 32.25-32.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่ง หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวไปได้ อาจอ่อนค่าต่อได้ถึงระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์

 

ดังนั้น ทิศทางค่าเงินบาทที่มีความผันผวนมากขึ้น จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะ การใช้ Options เพราะหากค่าเงินบาทเคลื่อนไหวสวนทางกับสิ่งที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ผู้ประกอบการเองก็ยังสามารถเลือกได้ว่าจะใช้สิทธิ์ของ Options หรือไม่ ทำให้ผู้ประกอบการมีความยืดหยุ่นในการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่าการจอง Forward เพียงอย่างเดียว

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเช้านี้ (5 ก.ค.)  เงินบาทปรับตัวอยู่ในช่วงประมาณ 32.10-32.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ ใกล้เคียงระดับปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่แล้วที่ 32.21 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ไม่ได้แรงหนุนมากนักจากข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ในเดือนมิ.ย. เพราะแม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในเดือนมิ.ย. จะเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด (เพิ่ม 850,000 ตำแหน่ง ตลาดคาดที่ 706,000 ตำแหน่ง ) แต่อัตราการว่างงานในเดือนล่าสุดกลับขยับขึ้นสวนทางการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ (เพิ่มขึ้นมาที่ 5.9% ตลาดคาดว่าจะ ลดลงไปที่ 5.6%)

 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ คาดไว้ที่ 32.10-32.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่สถานการณ์การระบาดของโควิด 19 และการจัดการวัคซีนในประเทศ ทิศทางสกุลเงินในภูมิภาคและฟันด์โฟลว์ และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยเดือนมิ.ย.