กสิกรไทยคาด 3ปัจจัยชี้ทิศเงินบาท-ดัชนีหุ้น 5-9กรกฎาคม 2564

กสิกรไทยคาด  3ปัจจัย ชี้ทิศเงินบาท-ดัชนีหุ้นสัปดาห์หน้า 5-9ก.ค.64  “   สถานการณ์โควิด 19 และการฉีดวัคซีนทั้งในและต่างประเทศ-การเมืองภายในประเทศ และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ”  มองเงินบาทเคลื่อนไหวที่ 31.90-32.50 บาทต่อดอลลาร์  บล.กสิกรไทยประเมินดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,570 และ 1,550 จุด

 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 5-9กรกฎาคม 2564 ที่ 31.90-32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 และการฉีดวัคซีนทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนี PMI/ ISM ภาคบริการเดือนมิ.ย. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนพ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ และตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน  ทั้งนี้เมื่อวันศุกร์ (2 ก.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 31.77 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (25 มิ.ย.)

ด้านหุ้นไทยผันผวน ก่อนจะร่วงลงแรงช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,578.49 จุด(เมื่อวันที่ 2กรกฎคมที่ผ่านมา) ลดลง 0.26% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 78,743.86 ล้านบาท ลดลง 1.53% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.39% มาปิดที่ 505.52 จุด สำหรับสัปดาห์ถัดไป (5-9 ก.ค.) บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,570 และ 1,550 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,600 และ 1,615 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 ตลอดจนความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนโควิด 19 ในประเทศและต่างประเทศ และประเด็นการเมืองภายในประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนมิ.ย. และรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ของจีน ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ของยูโรโซน