นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ด BOI) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการ Data Center 3 โครงการจากประเทศไทย จีน และสิงคโปร์ ประกอบด้วย
1. บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ 02 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม Gulf, Singapore Telecommunications และ AIS เงินลงทุน 13,480 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี
2. บริษัท Beijing Haoyang Cloud Data Technology จากประเทศจีน เงินลงทุน 72,670 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง
3. บริษัทในเครือ Empyrion Digital ประเทศสิงคโปร์ เงินลงทุน 4,720 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
สำหรับโครงการ ของ บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ 02 จำกัด ฐานเศรษฐกิจตรวจสอบข้อมูลการถือหุ้นผ่านระบบ
Creden Data พบว่า บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ 02 จำกัด มีผู้ถือหุ้นหลักคือ บริษัท จีเอสเอ โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 99.97% โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยอีก 3 ราย ได้แก่ นายภูผา เอกะวิภาต นายลิม ชู เบง สัญชาติสิงคโปร์ และนายสมิทธ์ พนมยงค์ ถือหุ้นรายละ 0.01%
สำหรับโครงสร้างการถือหุ้นของ บริษัท จีเอสเอ โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักนั้น ประกอบด้วย 3 กลุ่มธุรกิจใหญ่ ได้แก่บริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด ถือหุ้น 40% บริษัท เน็กซ์เซรา ทีเอช พีทีอี. แอลทีดี (สิงคโปร์) ถือหุ้น 35% และบริษัท เอไอเอส ดีซี เวนเจอร์ จำกัด ถือหุ้น 25%
ทั้งนี้ บริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด มีผู้ถือหุ้นหลักเพียงรายเดียวคือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า โครงการดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการพลังงานอย่างกัลฟ์ กับบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำจากสิงคโปร์และไทย
นายนฤตม์ กล่าวว่า การลงทุน Data Center ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น สำหรับรองรับความต้องการในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI การที่มีบริษัทระดับโลกเข้ามาลงทุนจัดตั้ง Data Center ในไทยก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้าน
ทั้งนี้ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้เข้าถึงบริการของศูนย์ข้อมูลและบริการคลาวด์ที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง และมีความเสถียรในการให้บริการดิจิทัล ลดต้นทุนบริษัทในการทำศูนย์ข้อมูลของตนเอง ช่วยรักษาข้อมูลสำคัญให้ถูกเก็บและประมวลผลในประเทศซึ่งจะเป็นประโยชน์ด้านความมั่นคง ช่วยสนับสนุนการใช้แอปพลิเคชันและเทคโนโลยีดิจิทัลในการยกระดับภาคส่วนต่าง ๆ
อีกทั้งจะส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโทรคมนาคม สาธารณูปโภค พลังงาน อุปกรณ์ไอที บริษัทก่อสร้างและวางระบบขั้นสูง System Integrator ด้านต่าง ๆ รวมถึงช่วยสร้างงานที่มีคุณค่าสูงให้กับคนไทย เช่น ผู้ดูแลระบบโครงข่าย งานด้านวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และงานสนับสนุนด้านไอที
ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2565-2567) มีโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนในกิจการ Data Center และ Cloud Service จำนวน 27 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 2.9 แสนล้านบาท