เงินเยียวยาน้ำท่วม พร้อมโอน 12-14 มี.ค.68 เช็ครายจังหวัดเงินเข้าบัญชี

07 มี.ค. 2568 | 11:44 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มี.ค. 2568 | 11:51 น.
11.8 k

เงินเยียวยาน้ำท่วมล่าสุด 9,000 บาท/ครัวเรือน นายกฯ สั่งกดปุ่ม โอนเงินเยียวยาเข้าบัญชี 4 แสนครัวเรือน ผ่านธนาคารออมสิน เริ่มต้นวันที่ 12-14 มี.ค.68 เช็ครายชื่อจังหวัดที่ดีรับเงิน ส่วนยอดตกค้าง มท.เร่งตรวจสอบ

ความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วมล่าสุด 9,000 บาท/ครัวเรือน วันนี้ (7 มีนาคม 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในต่ละจังหวัดโดยด่วน 

ล่าสุด คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณกลางเพิ่มเติม จำนวน 3,653.72 ล้านบาท ในการประชุม ครม.สัญจร ณ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม รวมทั้งสิ้น 402,437 ครัวเรือนผ่านทางธนาคารออมสินนั้น รัฐบาลสั่งการให้เร่งดำเนินการ โดยทีกำหนดการโอนเงินแบ่งออกเป็น 3 รอบ ดังนี้

รอบที่ 1 

  • โอนเงิน : วันที่ 12 มีนาคม 2568 
  • ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบ : 141,207 ครัวเรือน 
  • พื้นที่ได้รับเงินเยียวยา : จังหวัดนครศรีธรรมราช

รอบที่ 2 

  • โอนเงิน : วันที่ 13 มีนาคม 2568 
  • ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบ : 137,115 ครัวเรือน 
  • พื้นที่ได้รับเงินเยียวยา : จังหวัดสงขลา

รอบที่ 3 

  • โอนเงิน : วันที่ 14 มีนาคม 2568 
  • ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบ : 124,115 ครัวเรือน 
  • พื้นที่ได้รับเงินเยียวยา : ครอบคลุม 11 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 29,959 ครัวเรือน ปัตตานี 16,417 ครัวเรือน สงขลา 58,135 ครัวเรือน ยะลา 4,166 ครัวเรือน สิงห์บุรี 6 ครัวเรือน ชุมพร 3,273 ครัวเรือน ตรัง 2 ครัวเรือน นราธิวาส 6,493 ครัวเรือน พัทลุง 4,017 ครัวเรือน สุราษฎร์ธานี 1,640 ครัวเรือน สตูล 7 ครัวเรือน

ส่วนครัวเรือนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสถานะบุคคลจำนวน 3,532 ครัวเรือน โดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม โดยจะตรวจสอบว่าเกิดปัญหาอะไรบ้างเพื่อแก้ไขให้เรียบร้อยในการโอนเงินครั้งต่อไป

นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า รัฐบาลขอยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยดำเนินการโอนเงินอย่างโปร่งใส รวดเร็ว และทั่วถึง ตามมติ ครม. เพื่อให้ทุกครัวเรือนได้รับสิทธิตามที่กำหนด พร้อมทั้งกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหาสำหรับครัวเรือนที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบสถานะ เพื่อให้มั่นใจว่าความช่วยเหลือจะเข้าถึงทุกคนที่มีสิทธิอย่างแท้จริง