นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ภายหลังที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2568 ณ เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ และได้ร่วมลงนามความตกลง FTA ไทย-เอฟตา กับรัฐมนตรีและผู้แทนของกลุ่มประเทศสมาชิกเอฟตา ประกอบด้วย 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ทั้งนี้
ปัจจุบันกรมฯเตรียมเปิดให้ประชาชนและผู้ที่สนใจจากทุกภาคส่วน เข้าร่วมแสดงความเห็นต่อการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) หรือ เอฟตา โดยจะเปิดรับความเห็นผ่านเว็บไซต์ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ 5 มีนาคม - 3 พฤษภาคม 2568 เป็นระยะเวลา 60 วัน
เพื่อรวบรวมความเห็นและนำไปประกอบการเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญฯ ก่อนที่ประเทศไทยจะสามารถยื่นสัตยาบันเพื่อให้ FTA มีผลผูกพันประเทศต่อไป
สำหรับ FTA ไทย-เอฟตา เป็น FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับกลุ่มประเทศในยุโรป ถือเป็น FTA ที่มีความทันสมัยและมีมาตรฐานสูงที่สุดของไทย ประกอบด้วย 15 หัวข้อ ดังนี้
นางสาวโชติมา เพิ่มเติมว่า การจัดทำ FTA กับเอฟตา เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการเร่งรัดเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าสำคัญ เพื่อขยายโอกาสทางการค้า การลงทุน สร้างความร่วมมือและความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับมาตรฐานเพื่อรองรับกฎกติกาการค้ายุคใหม่ รวมถึงสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ การทำ FTA เป็นเรื่องสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันในมาตรา 178 จึงกำหนดให้การทำความตกลงการค้าเสรี ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ซึ่งคณะรัฐมนตรีและกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมจะต้องเสนอความตกลง FTA ไทย-เอฟตา ต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฯ
ทั้งนี้ การเจรจาจัดทำความตกลง FTA ทุกฉบับ รวมถึงกับเอฟตา กรมให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมีการศึกษาเพื่อประเมินผลประโยชน์และผลกระทบ และรับฟังความเห็นของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นเจรจา ในระหว่างช่วงการเจรจาได้จัดประชุมเผยแพร่ข้อมูลความคืบหน้า และรับฟังความเห็นของภาคส่วนต่างๆ มาตลอด
โดยหารือกับทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคเกษตรกร และภาคประชาสังคม รวมถึงตัวแทนภาคการเมืองผ่านการให้ข้อมูลและชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องของรัฐสภา ซึ่งที่ผ่านมากรมได้รับทราบทั้งเสียงสนับสนุนจากหลายฝ่ายและข้อกังวลจากกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งกรมได้นำข้อมูลทั้งหมดไปประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางการเจรจาเพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศในภาพรวมด้วยแล้ว
“เมื่อการเจรจาได้เสร็จสิ้นและประเทศไทยได้ลงนามกับเอฟตาแล้ว ในขั้นต่อไปกรมจะเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนและผู้ที่สนใจจากทุกภาคส่วนอย่างกว้างขวาง โดยนอกจากการเปิดรับฟังความเห็นผ่านช่องทางบนเว็บไซต์ของกรมแล้ว กรมเตรียมจัดกิจกรรมประชุม สัมมนา และรับฟังความเห็นสาธารณะ ทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ
เพื่อให้ได้รับทราบข้อมูล ความเห็น และข้อเสนอแนะ นำไปประกอบการเสนอเรื่องต่อรัฐสภาพิจารณา โดยจะแจ้งรายละเอียดกิจกรรมให้ทราบล่วงหน้าต่อไป” นางสาวโชติมา ระบุ