นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ (BOI) เปิดเผยผลการเยือนประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 19 – 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า บริษัทญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นที่ต้องการกระจายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีน เพื่อบริหารจัดการซัพพลายเชน และลดความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ บริษัทญี่ปุ่นที่เข้าร่วมงานสัมมนา Thailand - Japan Investment Forum 2025 ส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกล ปิโตรเคมี พลาสติก อาหารแปรรูป รวมถึงกลุ่มธุรกิจบริการ เช่น สถาบันการเงิน ธุรกิจดิจิทัล การค้า และโลจิสติกส์
ซึ่งบีโอไอได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของไทยและแนวทางการพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ผ่านการพัฒนา 4 ปัจจัย ประกอบด้วย
นอกจากนี้ ยังชวนนักธุรกิจญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในสาขาอุตสาหกรรมที่ทันสมัยที่จะช่วยเพิ่มมูลค่า และสาขาเกษตรที่เป็นภาคการผลิตหลักของไทย โดยไทยสามารถเป็นได้ทั้งตลาด ฐานการผลิต ฐานการวิจัยและพัฒนา และมีศักยภาพที่จะเติมเต็ม supply chain ของธุรกิจญี่ปุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกทั้งยังได้นำเสนอมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ สิทธิประโยชน์ และโอกาสการลงทุนในไทย โดยเฉพาะ 5 สาขาสำคัญที่จะเป็นฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ได้แก่ อุตสาหกรรม ,BCG ,ยานยนต์ไฟฟ้า ,เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล และกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
โดยในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนญี่ปุ่น บีโอไอได้ชี้แจงมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาแล้วเช่น มาตรการยกระดับเทคโนโลยีการผลิตของกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน มาตรการส่งเสริมการร่วมทุนระหว่างไทยและต่างชาติ มาตรการส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ และมาตรการสนับสนุนผู้ผลิตรถยนต์ไฮบริดรวมทั้งการสนับสนุนด้านพลังงานสะอาด และการพัฒนาบุคลากร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของอุตสาหกรรมยุคใหม่
อย่างไรก็ดี ยังมีผู้บริหารของบริษัทญี่ปุ่น ได้แก่ ธนาคาร SMBC บริษัท Mitsubishi และ Fujikura ร่วมบรรยายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความสำเร็จของการลงทุนในไทย รวมทั้งชี้โอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ในไทยภายใต้ Trump 2.0 ด้วย
นายนฤตม์ กล่าวอีกว่า ยังได้หารือและเจรจาแผนการลงทุนเป็นรายบริษัทกับนักลงทุนญี่ปุ่น ใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่
นอกจากนี้ ยังได้พบกับ นายมูโตะ โยจิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) รวมทั้งประธานองค์กรส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) โดยทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบที่จะผนึกกำลังรัฐบาลไทย - ญี่ปุ่น ผ่านกลไกความร่วมมือด้านพลังงานและอุตสาหกรรม (Energy and Industry Dialogue: EID) เพื่อร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาพลังงานใหม่ เช่น น้ำมันอากาศยานยั่งยืน (SAF) เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) และไฮโดรเจน การส่งเสริม SMEs และ Startup จากญี่ปุ่น รวมทั้งการสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นในไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
“การเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างดี นอกจากมีผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนากว่า 400 คนแล้ว ทุกบริษัทที่ได้พบยังมีแผนขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับประเทศไทย
ในการเป็นฐานการผลิตหลักของภูมิภาค และมองว่าไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก มีความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ต่ำ มีซัพพลายเชนที่เข้มแข็ง และมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนที่ดี"
อย่างไรก็ตาม การได้พบกับกับรัฐมนตรี METI ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนญี่ปุ่นว่า รัฐบาลทั้งสองประเทศจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนนักลงทุนญี่ปุ่นในไทย ให้สามารถแข่งขันได้และเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกยุคใหม่ที่มีการแข่งขันสูงและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว