ปตท. ทุ่ม 2.5 หมื่นล้านปี 68 ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มศักยภาพธุรกิจ-รายได้

21 ก.พ. 2568 | 15:29 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.พ. 2568 | 15:29 น.

ปตท. ทุ่มงบ 2.5 หมื่นล้านบาทปี 68 เดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มุ่งเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ และสร้างรายได้ให้องค์กร พร้อมเร่งเพิ่มพันธมิตรในธุรกิจโรงกลั่น และสำรวจปิโตรเลียม

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 68 ปตท.จะใช้เงินลงทุน 2.5 หมื่นล้านบาท จากงบลงทุน 5 ปีที่ตั้งไว้ 5.5  หมื่นล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่อก๊าซ ท่าเรือ เทรดดิ้ง เป็นต้น โดยถือว่าเป็นมูลค่าเงินลงทุนที่สูงมาก เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับ ปตท. ในการประกอบธุรกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ รวมถึงดูแลนักลงทุน และประชาชน

ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวน้อยกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นการปรับกลยุทธ์ไปสู่การลงทุนที่คุ้มค่า โดยไม่ใช้เงินจำนวนมาก แต่สามารถสร้างผลกำไรได้ในระดับสูง

สำหรับความคืบหน้าแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจนั้น ล่าสุดได้ยุติธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) เพื่อนำเงินไปลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในธุรกิจที่มีความชำนาญ หรือเชี่ยวชาญ รวมถึงเพิ่มพันธมิตรในธุรกิจโรงกลั่น และสำรวจปิโตรเลียม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนของการเจรจา โดยเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในอีกไม่ช้า

ส่วนกรณีกระแสข่าวการควบรวมบริษัทลูก ประกอบด้วย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ กัด (มหาชน) หรือ GC ,บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC นั้น ต้องเรียนว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยคาดว่าจะเป็นความคาดเคลื่อนในการสื่อสาร

นายคงกระพัน ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ (IMF) คาดการณ์ว่าจีดีพีโลกจะอยู่ที่ระดับ 3.3% และคาดการณ์เศรษฐกิจไทยโตที่ 2.9% รวมถึงผลจากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่า ปตท.จะติดตามผลกระทบทางด้านการค้า ค่าเงิน และดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการพิจารณาในการลงทุน และการบริหารงานในภาพรวม 

ส่วนประเด็นเรื่องของพลังงานโลกที่ทรัมป์ลดความสำคัญของพลังงานสะอาดนั้น มองว่าไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เพราะทิศทางของโลกยังมุ่งไปพลังงานสะอาด ดังนั้น ปตท. จึงยังมุ่งไปที่กระบวนการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) และไฮโดรเจนต่อไปตามแผน

ขณะที่ประเด็นเรื่องนโยบายการลดค่าไฟ โดยปรับโครงสร้างราคาก๊าซ (Pool Gas) เพื่อลดค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค. ลง 40 สตางค์นั้น ปตท. ยังไม่ได้รับการประสานงานจากกระทรวงพลังงาน แต่ในปี 67 ปตท. ได้สนับสนุนราคาก๊าซฯในการลดค่าไฟ รวมถึงสนับสนุนราคาพลังงาน เช่น NGV และ LPG ประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท

นายคงกระพัน ยังได้กล่าวต่อไปถึงผลการดำเนินงานในปี 67 ด้วยว่า ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 3,090,453 ล้านบาท ลดลง 1.7% และมีกำไรสุทธิ 90,072 ล้านบาท ลดลง 19.6% โดยเป็นผลมาจากธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีรายได้จากการขายลดง แม้จะมีปริมาณการขายน้ำมันสำเร็จรูป และ LNG เพิ่มขึ้น 

ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีรายได้จากการขายลดลงเช่นกัน จากราคาขายเฉลี่ยลดลงตามราคา Pool Gas นอกจากนี้ธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีกมีรายได้ลดลงจากประมาณการขายที่ลดลง ยกเว้นธุรกิจโรงแยกก๊าซ ที่มีปริมาณการขายและราคาเพิ่มขึ้น รวมถึงระบบธุรกิจท่อส่งก๊าซที่มีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการจองใช้ท่อของลูกค้าลงแยกก๊าซ และโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

ด้านธุรกิจกลุ่มสำรวจ และผลิตปิโตรเลียมมีรายได้เพิ่มขึ้นแม้ว่าราคาขายเฉลี่ยจะลดลง