เครือซีพีติดท็อป 5% โลก ด้านความยั่งยืน ชูเป็นองค์กรขับเคลื่อน ESG

17 ก.พ. 2568 | 18:12 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.พ. 2568 | 18:26 น.

เครือซีพี ติดท็อป 5% ของโลกด้านความยั่งยืน S&P Global ชูเป็นองค์กรขับเคลื่อน ESG จากมีบริษัททั่วโลกกว่า 7,690 แห่งที่เข้าร่วมการประมูล ขณะ “ทรู”ได้รับการประเมินระดับท็อป 1%

รายงานข่าวจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เผยว่า ซีพีได้เดินหน้าสร้างผลลัพธ์เชิงบวกสู่โลกและสังคม ล่าสุด S&P Global จัดอันดับให้ซีพีอยู่ใน The Sustainability Yearbook 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติด Top 5% ของโลก  โดยได้คะแนนสูงสุดในมิติด้านสังคม และได้คะแนนเต็มใน 9 หมวดจากการประเมินของ S&P Global  ได้แก่ 1.การกำกับดูแลด้านความยั่งยืน 2.จริยธรรมทางธุรกิจ 3.การมีส่วนร่วมต่อการกำหนดนโยบาย 4.การบริหารห่วงโซ่อุปทาน 5.การจัดการทรัพยากรน้ำ 6.กลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศ 7.ความหลากหลายทางชีวภาพ 8.สิทธิมนุษยชน 9.การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า สะท้อนความมุ่งมั่นด้าน ESG และความยั่งยืนในระดับสากล

ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า เครือซีพีตระหนักดีว่าธุรกิจไม่สามารถเติบโตได้เพียงลำพัง แต่ต้องเติบโตไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยล่าสุดเครือซีพีได้รับการจัดอันดับโดย S&P Global ให้ติด The Sustainability Yearbook 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และอยู่ในกลุ่ม Top 5% ของโลก ในอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความพยายามขององค์กรในการดำเนินธุรกิจที่สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกและสังคม และเป็นบทพิสูจน์ถึงความพยายามที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นทั้งในประเทศไทยและทุกประเทศในทั่วโลกที่ได้เข้าไปลงทุน

"สำหรับเครือซีพี ความยั่งยืนไม่ใช่เพียงเป้าหมายระยะสั้น แต่เป็นแนวทางที่เรายึดมั่นมาโดยตลอด เราตระหนักดีว่าธุรกิจไม่สามารถเติบโตได้เพียงลำพัง แต่ต้องเติบโตไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม การได้รับการจัดอันดับโดย S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 คือบทพิสูจน์ถึงความพยายามของเราที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

เพราะทุกวันนี้ โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การขาดแคลนทรัพยากร หรือความเหลื่อมล้ำทางสังคม เราตระหนักดีว่าภาคธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการร่วมแก้ปัญหาเหล่านี้ เครือซีพีจึงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม ขับเคลื่อนโครงการที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม และร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจที่สมดุลและยั่งยืน" ดร.ธีระพล กล่าว

สำหรับผลการประเมินในครั้งนี้ (ปี 2567) มีบริษัทจากทั่วโลกกว่า 7,690 แห่งเข้าร่วมการประเมิน แต่มีเพียง 780 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้ติดอยู่ในรายงานฉบับนี้  โดยในการประเมินของบริษัทในกลุ่ม Industrial Conglomerates มีบริษัทจากทั่วโลกเข้าร่วมการประเมินรวม 67 บริษัท โดยบริษัทที่ได้คะแนนสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่  SK Inc (Top 1%) จากสาธารณรัฐเกาหลี  เครือเจริญโภคภัณฑ์ (Top 5%) จากประเทศไทย Keppel Corporation Ltd. (Top 5%) จากประเทศสิงคโปร์ Siemens Aktiengesellschaft (Top 10%) จากประเทศเยอรมัน และAntarChile S.A.  (Yearbook Member) จากประเทศชิลี

สำหรับเครือซีพีนั้นได้รับคะแนนความยั่งยืนรวมจาก S&P Global อยู่ที่ 83 คะแนน โดยได้คะแนนสูงสุดในมิติด้านสังคม และได้คะแนนเต็มใน 9 ข้อของการประเมิน ดังนี้ การประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน จริยธรรมทางธุรกิจ การมีส่วนร่วมต่อการกำหนดนโยบาย การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน การบริหารจัดการน้ำ กลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ สิทธิมนุษยชน และการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ผลความสำเร็จนี้ ถือเป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นของเครือซีพีในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนครบทุกมิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม

เครือซีพีติดท็อป 5% โลก ด้านความยั่งยืน ชูเป็นองค์กรขับเคลื่อน ESG

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทภายใต้เครือซีพีที่เข้าร่วมการประเมินความยั่งยืนองค์กรของ S&P Global และได้รับการคัดเลือกให้ติอยู่ใน The Yearbook 2025 ได้แก่ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับการประเมินระดับ Top 1% สูงสุดในกลุ่ม Telecommunication Services เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ได้รับการประเมินระดับ Top 1% ในกลุ่ม Food Products ซีพีออลล์ ได้รับการประเมินระดับ Top 5% และซีพี แอ็กซ์ตร้า ได้รับการประเมินระดับ Top 10% และเป็น Industry Mover ในกลุ่ม Food Staples & Retailing

ทั้งนี้ การประเมินความยั่งยืนองค์กรของ S&P Global ถือเป็นดัชนีที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียว่า บริษัทมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติของความยั่งยืน ทั้งด้านธรรมาภิบาล สังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน และสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน