นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (คทพ.) เปิดเผยว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ คผท. ติดตามกรณีที่จีนประกาศว่าจะฟ้องร้องสหรัฐฯ ภายใต้ WTO หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากจีนร้อยละ 10 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 อย่างใกล้ชิด
ล่าสุดจีนได้ยื่นเรื่องขอหารือกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ถือเป็นการเริ่มต้นกระบวนการระงับข้อพิพาทของจีนอย่างเป็นทางการใน WTO
ทั้งนี้ จากเอกสารของจีนที่ยื่นขอหารือกับสหรัฐฯ ได้กล่าวถึงมาตรการขึ้นภาษีศุลกากร (tariff) สินค้าที่มีถิ่นกำเนิดจากจีนร้อยละ 10 โดยใช้อำนาจของ section 1702(a)(1)(b) ของ International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) โดยสหรัฐฯ แจ้งว่าเป็นการแก้ปัญหาที่เป็นความเร่งด่วนระดับชาติ (national emergency) คือการไหลเข้ามาของสารสังเคราะห์โอปิออยด์ (synthetic opioids) โดยการขึ้นภาษีศุลกากรดังกล่าวได้มีผลใช้บังคับแล้วในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568
ขณะเดียว ในความเห็นของจีน เป็นมาตรการที่ไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ WTO ใน 2 ประเด็นคือ ขัดต่อหลักการปฏิบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง หรือ Most-favoured nation treatment (MFN) ซึ่งกำหนดให้สมาชิก WTO ใช้มาตรการเหมือนกันในสินค้าประเภทเดียวกันกับทุกประเทศสมาชิก WTO ด้วยกัน ไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติขัดต่อพันธกรณีของสหรัฐฯ เรื่องอัตราภาษีศุลกากร โดยเป็นการเก็บภาษีฯ เกินกว่าระดับที่ผูกพันไว้ (bound rate)
นอกจากนี้ จีนระบุว่า การทำผิดกฎเกณฑ์ดังกล่าวทำให้จีนเสียหรือถูกลดทอนผลประโยชน์ทางการค้าที่ควรได้รับ (nullify or impair benefits) และจีนสงวนสิทธิ์ที่จะยกเรื่องเพิ่มเติมต่อไป
สำหรับขั้นตอนต่อไปตามที่กำหนดในความตกลงว่าด้วยกระบวนการระงับข้อพิพาทของ WTO นั้น สหรัฐฯ จะต้องตอบกลับจีนภายใน 10 วันและร่วมหารือกันภายใน 30 วัน โดยหากไม่ตอบหรือเข้าร่วมการหารือ ประเทศที่ขอหารือสามารถเริ่มกระบวนการแต่งตั้งคณะผู้พิจารณาคดีได้ หรือ หากมีการหารือร่วมกัน แต่เกิน 60 วันไปแล้วโดยไม่มีข้อยุติระหว่างกัน ประเทศที่ขอหารือก็สามารถเริ่มกระบวนการแต่งตั้งคณะผู้พิจารณาคดีได้เช่นกัน
นางพิมพ์ชนก กล่าวว่า การที่จีนได้ยื่นเอกสารขอหารือกับสหรัฐฯ ครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มกระบวนการระงับข้อพิพาทภายใต้ WTO อย่างเป็นทางการ โดยกระบวนการขอหารือ (request for consultation) ถือเป็นขั้นตอนแรก โดยหากคู่กรณีไม่สามารถตกลงกันได้ในการหารือนี้ ก็อาจพิจารณาร้องขอให้องค์กรระงับข้อพิพาทของ WTO พิจารณาแต่งตั้งคณะผู้พิจารณา (Panel) เพื่อพิจารณาคดีในรายละเอียดตามหลักกฎหมายของ WTO ต่อไป
ทั้งนี้สหรัฐฯ จะสามารถคัดค้านการจัดตั้งคณะ Panel ได้เพียง 1 รอบ แต่จะไม่สามารถขัดขวางได้ในการพิจารณาจัดตั้งรอบที่ 2 เพราะจำเป็นต้องได้ได้รับฉันทามติจากองค์กรระงับข้อพิพาทด้วย (negative consensus)
นอกจากกรณีล่าสุดนี้แล้ว ปัจจุบันจีนกับสหรัฐฯ มีคดีที่ฟ้องร้องกันอยู่หลายคดีใน WTO ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่รัฐบาลทรัมป์ 1 จนถึงรัฐบาลไบเดน (มีทั้งที่อยู่ในขั้นหาขอหารือจนถึงขั้นอุทธรณ์) โดยคดีเกี่ยวกับการขึ้นภาษีสินค้าเหล็กและอลูนิเนียม คณะผู้พิจารณาได้ตัดสินว่า สหรัฐฯ ทำผิดจริง แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งยังทำไม่ได้เพราะสหรัฐฯ คัดค้านการแต่งตั้งตัวบุคคลเข้ามาพิจารณาในขั้นตอนอุทธรณ์ (Appellate Body) ตั้งแต่ปี 2561
อย่างไรก็ตาม ไทยจะติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้ของประเทศอื่นในกรอบ WTO และส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กำลังอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ เพื่อหารือกับระดับนโยบายทั้งในรัฐสภา หน่วยงานต่าง ๆ ภาคเอกชน และภาคส่วนต่าง ๆ ในสหรัฐฯ เพื่อสร้างความเข้าใจและเสริมสร้างกระชับความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ต่อไป