“สศอ.” รุกดันไทยขึ้นแท่น “EV Hub” ใหญ่สุดเอเชียแปซิฟิก

29 ม.ค. 2568 | 14:10 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ม.ค. 2568 | 14:10 น.

สศอ. เดินหน้าผลักดันไทยขึ้นแท่น EV Hub ใหญ่สุดเอเชียแปซิฟิก รุกยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สู่ระบบการขนส่งและเคลื่อนที่อัจฉริยะ รวมถึงเพิ่มศักยภาพแข่งขันผ่านความร่วมมือ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับต่างประเทศ

นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ. มีแผนจะดำเนินการยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สู่ระบบการขนส่งและเคลื่อนที่อัจฉริยะ 

รวมถึงเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทยผ่านความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับต่างประเทศ เพื่อสร้างความยั่งยืนในภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยและภูมิภาค เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV Hub) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ทั้งนี้ ล่าสุดเตรียมจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการนานาชาติ (Workshop) ในโครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สู่อุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ระบบการขนส่งและเคลื่อนที่อัจฉริยะ: ระบบขับขี่อัตโนมัติ (ADAS) ยานยนต์สมัยใหม่ ระบบราง ชิ้นส่วนอากาศยาน ชิ้นส่วนอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์สำหรับผู้สูงวัย 

 

โดยจะรวบรวมภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจากประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคแม่โขง - ล้านช้างเข้าร่วม รวมถึงการรองรับการเข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของอนุภูมิภาคแม่โขง-ล้านช้าง เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยพัฒนาทักษะ เสริมสร้างนวัตกรรม 

“สศอ.” รุกดันไทยขึ้นแท่น “EV Hub” ใหญ่สุดเอเชียแปซิฟิก

และเตรียมความพร้อมรองรับเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ อีกทั้งยังจะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเพื่อผลักดันประเทศไทย สู่การเป็น EV Hub ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกดังกล่าว 

อย่าไงก็ดี จากการเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ได้เรียนรู้ข้อมูลนโยบายด้านการพัฒนาและการจัดการห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาด การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ การผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ การบริการหลังการขาย รวมถึงการจัดการซากยานยนต์และชิ้นส่วนหลังจากหมดอายุการใช้งานเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน 

ซึ่งมีทั้งนโยบายออกไปลงทุนทำตลาดในต่างประเทศ และเน้นการผลิตเพื่อจำหน่ายภายในจีน โดยมีเป้าหมายในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานเพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปทานในฝั่งวัตถุดิบของชิ้นส่วนสำคัญ 

นอกจากนี้ จีนยังให้ความสำคัญกับการสร้างความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ และระบบหัวชาร์จไฟที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงมาตรการสนับสนุนการผลิตและใช้งานยานยนต์พลังงานสะอาดระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มผลิตภาพในการผลิตและลดการใช้ทรัพยากร

รวมถึงระบบนิเวศของศูนย์ทดสอบและการรับรองมาตรฐานที่สามารถจำลองการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของรถยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ให้มีการทดสอบคุณภาพของยานยนต์และชิ้นส่วนให้สอดรับกับมาตรฐานของจีนและมาตรฐานสากล

“ไทยมีโอกาสในการเสริมสร้างความสัมพันธ์เพื่อการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสาขายานยนต์และชิ้นส่วน รองรับการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานสะอาดโดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศในอนุภูมิภาคแม่โขง – ล้านช้าง ให้มีศักยภาพในด้านการวิจัยและพัฒนายานยนต์ พลังงานใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ ศูนย์ทดสอบที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถต่อยอดการพัฒนาความร่วมมือ ทั้งในด้านการลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การจ้างงาน ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรเพื่อให้สามารถก้าวเดิน ไปด้วยกันและผลักดันให้ประเทศไทยเป็น EV Hub เอเชียแปซิฟิกต่อไป”