กรุงเทพฯ – สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาหนักสำหรับประชาชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทำให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรร่วมมือกับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เดินหน้าปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างจริงจัง ผ่านการใช้เทคนิคการบินและการจัดการจราจรทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ
นายภักดี จันทร์เกษ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการฝนหลวง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวภายในรายการ ฐานทอล์ค ทางเนชั่นทีวี 22 ถึงแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยระบุว่า ภารกิจของกรมฝนหลวงคือการใช้เทคนิคขั้นสูงเพื่อแก้ฝุ่น ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเฉพาะ เช่น การโปรยน้ำแข็งแห้ง (Dry Ice) และการสเปรย์น้ำเพื่อลดอุณหภูมิชั้นความร้อนในบรรยากาศ เทคนิคนี้ช่วยเปิดช่องให้อากาศในชั้นล่างลอยขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศที่สูงขึ้น ส่งผลให้ฝุ่นละอองสามารถกระจายตัวออกไปได้ดีขึ้น
“มาตรการนี้เราเริ่มทดลองใช้มาตั้งแต่ปี 2560 และในปี 2565 เราได้ปฏิบัติการจริงในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาฝุ่นหนาแน่นมากที่สุด” นายภักดีกล่าว
ในปีนี้ (68) ปฏิบัติการได้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนบน และในช่วงกลางเดือนมกราคม 2568 ได้ขยายการดำเนินการมาสู่กรุงเทพฯ โดยเพิ่มพื้นที่ปฏิบัติการรวมเป็น 15 จุด รวมถึงเขตกรุงเทพฯ ชั้นในซึ่งมีความหนาแน่นของฝุ่นสูง
“การบินสำรวจสภาพอากาศจะดำเนินการทุกวัน โดยใช้เครื่องบินซูเปอร์คิงแอร์บินจากหัวหินมายังกรุงเทพฯ เพื่อวิเคราะห์สภาพอากาศในแต่ละวัน จากนั้นจะวางแผนการบินสำหรับวันถัดไป โดยเราปฏิบัติการบินวันละ 2 รอบ และอาจเพิ่มรอบกลางคืนหากสถานการณ์ฝุ่นยังคงวิกฤต” นายภักดีเสริม
แม้ว่าการทำฝนหลวงจะเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ แต่การทำฝนหลวงต้องอาศัยสภาพอากาศที่มีความชื้นในชั้นบรรยากาศเพียงพอ ซึ่งปัจจุบันความชื้นในกรุงเทพฯ ยังไม่เหมาะสม โดยคาดว่าความชื้นที่เหมาะสมจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมเมื่อมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าสู่ประเทศไทย
ด้านนายเถลิงศักดิ์ ผาทอง ผู้อำนวยการใหญ่บริการการเดินอากาศส่วนภูมิภาค บริษัทวิทยุการบินฯ ได้เผยถึงความท้าทายในการจัดการจราจรทางอากาศ โดยได้อธิบายถึงความซับซ้อนในการประสานงานเพื่อจัดการจราจรทางอากาศในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากมีปริมาณเที่ยวบินพาณิชย์ที่หนาแน่นที่สุดในประเทศ โดยมีเที่ยวบินขึ้นลงจากสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองรวมกว่า 1,800 เที่ยวบินต่อวัน
“เฉลี่ยแล้วในแต่ละชั่วโมงจะมีเครื่องบินขึ้นลงประมาณ 100-120 เที่ยวบิน ซึ่งหมายความว่าในทุกนาทีจะมีเครื่องบินอยู่ในห้วงอากาศของกรุงเทพฯ อย่างน้อยหนึ่งลำ” นายเถลิงศักดิ์กล่าว
เพื่อป้องกันการชนกันระหว่างเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินฝนหลวง บริษัทวิทยุการบินฯ ได้กำหนดเขตการบินที่ชัดเจน โดยเครื่องบินฝนหลวงจะทำการบินในระดับความสูง 3,000-10,000 ฟุต และต้องปรับแผนการบินให้สอดคล้องกับเที่ยวบินพาณิชย์ในแต่ละวัน
“ก่อนการบินทุกครั้ง เราจะมีการแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 12 ชั่วโมง และมีการประสานงานเพิ่มเติมในช่วงเช้าและบ่ายของวันปฏิบัติการจริง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีความขัดแย้งในเส้นทางการบิน” นายเถลิงศักดิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างกรมฝนหลวงและวิทยุการบิน ซึ่งทั้งสองหน่วยงานยืนยันว่าจะเดินหน้าปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น