วันที่ 21 มกราคม 2568 นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และ นายคนึง คมขำ ประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมกับผู้บริหารในพื้นที่ นายอำเภอบางคล้า นายกองค์การบริหารตำบลบางกระเจ็ด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาหมู่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันปล่อยลูกพันธุ์ปลากะพงขาวขนาด 4-5 นิ้วจำนวน 5,000 ตัวลงในคลองบางกะพ้อ หมู่ที่ 4 ตำบลบางกระเจ็ด อำเภอบางคล้าทั้งนี้ เพื่อช่วยตัดวงจร “ปลาหมอคางดำ”
นายขจรเกียรติ ย้ำว่า สถานการณ์ปลาหมอคางดำในจังหวัดฉะเชิงเทราลดลงอย่างชัดเจน และยังดำเนินการมาตรการ “เจอ แจ้ง จับ” เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาหมอคางดำกลับมาเพิ่มจำนวนอีกครั้ง
คณะทำงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมมือกับหน่วยงานและประชาชนทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำตาม 7 มาตรการของกรมประมงตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา จนความชุกชุมของปลาหมอคางดำ ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ลดลงอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับในปีนี้ จังหวัดฉะเชิงเทรา ยังคงร่วมแรงร่วมใจกำจัดควบคุมปลาหมอคางดำในพื้นที่ทุกแห่งต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถจัดการปัญหาได้อย่างยั่งยืน
จังหวัดขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันเป็นหูเป็นตา หากพบปลาหมอคางดำให้ช่วยกันจับ หรือแจ้งกรมประมงทันที ตามมาตรการ “เจอ แจ้ง จับ” โดยขอความร่วมมือประชาชนแจ้งกรมประมงทันทีเมื่อพบปลาชนิดนี้
นายคนึง คมขำ ประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า คณะทำงานจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของกรมประมง ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งการจับปลาออกจากแหล่งน้ำเพื่อนำมาบริโภค และการปล่อยปลานักล่า โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชน ที่มาช่วยกันจับปลาหมอคางดำ เพื่อนำไปบริโภค หรือ จำหน่าย ซึ่งเป็นอีกแนวทาง ซึ่งช่วยให้ควบคุมประชากรปลาหมอคางดำในระยะยาว
“การปล่อยปลากะพงขาวในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ มีการปล่อยปลาอีกงในแหล่งน้ำธรรมชาติมาแล้วหลายครั้ง ปลากะพงขาวขนาด 4-5 นิ้ว ที่ได้รับการสนับสนุนจากซีพีเอฟ จะช่วยควบคุมลูกปลาหมอคางดำ นอกจากนี้ ปลากะพงขาวยังเป็นปลาพื้นถิ่นที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและรวมถึงเป็นปลาเศรษฐกิจที่ชาวบ้านสามารถบริโภคและจับไปจำหน่ายได้” นายคนึง กล่าว
ทั้งนี้ จังหวัดฉะเชิงเทราได้ดำเนินการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำ ตามมาตรการของกรมประมง รวมถึงการปล่อยปลานักล่าลงในแหล่งน้ำ ปลาอีกง และ ปลากะพงขาว จะทำหน้าที่สำคัญในการช่วยกำจัดปลาหมอคางดำ ขนาดเล็ก เพื่อตัดวงจรการระบาดของปลาได้ และยังช่วยฟื้นฟูความหลากหลายให้กับระบบนิเวศ และช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับจังหวัดอีกด้วย