วันนี้ (20 มกราคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย และนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางถึงเมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส เพื่อเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 (WEF Annual Meeting 2025: WEF AM25) ระหว่างวันที่ 20 - 25 มกราคม 2568 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส
การประชุม WEF ครั้งนี้จัดขึ้นในหัวข้อสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในยุคที่โลกกำลังเผชิญความท้าทายหลากหลายมิติ
โดยนายกรัฐมนตรีไทยตั้งเป้าหมายใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ศักยภาพของประเทศไทยในเวทีโลก พร้อมดึงดูดการลงทุนจากอุตสาหกรรมชั้นนำ และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ให้กับประเทศ
กำหนดการสำคัญของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 21 มกราคม 2568 ช่วงเช้า (09.00 - 12.00 น.) นายกรัฐมนตรีจะพบหารือกับผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญระดับโลก ได้แก่
1. บริษัท DP World – ผู้นำในธุรกิจการท่าเรือและโลจิสติกส์ระดับโลก ซึ่งมีเครือข่ายธุรกิจกว่า 500 แห่งใน 75 ประเทศ และมีพนักงานกว่า 1 แสนคน การหารือครั้งนี้มุ่งเน้นถึงการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาค โดยอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอินเดียและอ่าวไทย
2. กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม – การพบปะกับผู้บริหารระดับสูงจาก Nestle และ Coca-Cola มีเป้าหมายผลักดันการเชื่อมโยงระหว่างภาคเกษตรของไทยกับห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอาหารโลก Nestle ซึ่งเป็นบริษัทยุโรปที่มีประวัติการลงทุนในไทยยาวนานกว่า 130 ปี และ Coca-Cola ที่มีชื่อเสียงในด้านนวัตกรรมเครื่องดื่มและความยั่งยืน สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารคุณภาพสูงระดับโลก
ช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีจะหารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมยาและสุขภาพ ได้แก่ บริษัท Bayer และ AstraZeneca เพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์และสาธารณสุข โดยเน้นศักยภาพของแรงงานไทยในอุตสาหกรรมบริการทางการแพทย์ รวมถึงเป้าหมายระยะยาวของรัฐบาลที่จะผลักดันประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็น Wellness and Medical Hub ชั้นนำในภูมิภาค
ช่วงค่ำนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ (Opening Dinner) ซึ่งจัดโดย ศาสตราจารย์ เคล้าส์ ชวาป ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร WEF การพบปะในครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้นำและนักธุรกิจชั้นนำจากทั่วโลก
นายกรัฐมนตรีมุ่งประชาสัมพันธ์ศักยภาพประเทศไทย
นายจิรายุกล่าวว่า “นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าการประชุมครั้งนี้จะช่วยสร้างความเข้าใจถึงศักยภาพของประเทศไทยในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การพัฒนานวัตกรรม หรือการส่งเสริมบุคลากรที่มีคุณภาพ พร้อมเชื่อมโยงประเทศไทยเข้ากับกระบวนการผลิตระดับสากล (supply chain) ของอุตสาหกรรมชั้นนำทั่วโลก อีกทั้งยังสร้างโอกาสและรายได้ใหม่ ๆ ให้กับประเทศไทยในระยะยาว