ข่าวดี เอสเอ็มอี ครม.เคาะจ่ายสูงสุด6แสนบาท หนุนขายออนไลน์แพลตฟอร์มยักษ์

23 ส.ค. 2565 | 16:00 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ส.ค. 2565 | 23:06 น.

มติครม.ล่าสุด เห็นชอบจัดงบสนับสนุน 500 ล้านบาท ผุดโครงการ SMEs Pro-activeSME จ่ายสูงสุด 6 แสนบาท/บริษัท ขายของออนไลน์บน3แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่

วันที่ 23 ส.ค. 65 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบการเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน (Cross-Border e - Commerce) ภายใต้โครงการ SMEs Pro-active ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 


ซึ่งเป็นการส่งเสริมกิจกรรมการขายสินค้าและบริการแบบ B-2-B (Business-to-Business) ผ่าน 3 แพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ คือ Alibaba, KlangOne และ GlobalConnect

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

โดยรัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบที่เข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท/บริษัท/ครั้ง รวมไม่เกิน 6 ครั้ง เพื่อใช้เป็น 

 

  1. ค่าใช้จ่ายแรกเข้าและหรือค่าสมาชิกของแพลตฟอร์ม
  2. ค่าประชาสัมพันธ์ ค่าการตลาด และค่าใช้จ่ายในการทำ Online Content ของแพลตฟอร์ม 

 

โดยใช้จ่ายจากงบกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปัจจุบันโครงการ SMEs Pro-active ดำเนินการในระยะที่ 3 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562- 2567) วงเงินโครงการรวม 500 ล้านบาท

นางสาวรัชดา กล่าวอีกว่า ความจำเป็นที่ต้องเสนอเพิ่มกิจกรรมการส่งเสริมการค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในครั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศได้ และผู้จัดงานแสดงสินค้าได้ปรับเปลี่ยนการจัดงานเป็นรูปแบบออนไลน์มากขึ้น 

 

ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงเสนอเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการค้าดังกล่าว เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับการสนับสนุนงบเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จากเดิมที่โครงการสนับสนุนเฉพาะผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้าและกิจกรรมทางธุรกิจในต่างประเทศเท่านั้น 

 

นางสาวรัชดากล่าวต่อว่า คุณสมบัติของผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active อาทิ 

  1. เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและมีผู้ถือหุ้นเป็นสัญชาติไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 
  2. เป็นสมาชิกของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศหรือหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย 
  3. เป็นนิติบุคคลที่เป็นผู้ผลิตและหรือผู้ส่งออกสินค้าไทยที่มีประสบการณ์การส่งออก โดยมีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ไม่เกิน 500 ล้านบาท นับจากปีที่สมัครเข้าร่วมโครงการ 

 

และกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมออนไลน์ คือ 

  1. เป็นสมาชิก Thaitrade.com ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Cross-Border e-Commerce ของไทย ที่ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 
  2. หากไม่เคยส่งออก ผู้ประกอบการจะต้องผ่านการอบรมความรู้เกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น