ข่าวดี "แท็กซี่ สามล้อ วินมอ'ไซค์" ครม.ลดภาษีรถรับจ้าง ให้90% นาน1ปี

16 ส.ค. 2565 | 14:53 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ส.ค. 2565 | 22:04 น.
1.4 k

ข่าวดีกลุ่มรถสาธารณะ "แท็กซี่ สามล้อ วินมอเตอร์ไซค์" ครม.ลดภาษีรถยนต์รับจ้าง-รถสาธารณะ  90% นาน 1 ปี เริ่มต้นจ่ายแค่ 10 บาท

วันที่ 16 ส.ค. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.อนุมัติหลักการ "ร่าง พ.ร.ฎ. ลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์รับจ้าง รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ...." 


เพื่อช่วยลดต้นทุนการประกอบการรถสาธารณะทั้ง

  • รถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) 
  • รถยนต์รับจ้างสามล้อ 
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะ 

บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายจากราคาพลังงานโลกมีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากวิกฤติพลังงานรอบใหม่ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ จากสงครามการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน กระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการนำเข้าพลังงานถึงร้อยละ 75

 

ส่งผลให้ต้นทุนการประกอบการของรถสาธารณะเพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบอาชีพ อาจจะไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต

 

ทั้งนี้ ร่างพ.ร.ฎ.ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ 

  • เป็นการกำหนดให้ลดอัตราภาษีรถประจำปีสำหรับรถยนต์รับจ้าง รถยนต์รับจ้างสามล้อและรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่ครบกำหนดเสียภาษีรถประจำปีระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 65 ถึง 30 กันยายน 66 ลงร้อยละ 90 ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพ.ร.บ. รถยนต์พ.ศ. 22 ดังนี้

รถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่)

  • น้ำหนักรถ 1,300 กก. เสียภาษี 68.50 บาท จากเดิม 685 บาท
  • น้ำหนักรถ 2,000 กก. เสียภาษี 106 บาทจากเดิม 1,060 บาท

 

รถยนต์รับจ้างสามล้อ

  • น้ำหนักรถ 500 กก. เสียภาษี 18.50 บาท จากเดิม 185 บาท

 

รถจักรยานยนต์สาธารณะ (อัตราภาษีจะคิดต่อคัน)

  • เสียภาษี 10 บาท จากเดิม 100 บาท

 

นายธนกร กล่าวอีกว่า ซึ่งมาตรการลดอัตราภาษี ในครั้งนี้ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 70,257,501.07 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.197 ของภาษีของรถทุกประเภททั้งหมดที่จัดเก็บ จึงส่งผลกระทบต่อรายได้ของ กทม. และ อปท. เพียงเล็กน้อยแต่สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบอาชีพขับรถสาธารณะได้อีกมาตรการหนึ่ง

 

โฆษกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการเยียวยาโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพ รถแท็กซี่ และรถยนต์สาธารณะที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่อยู่ในกลุ่มแรงงานนอกระบบและไม่เป็นผู้ประกันตน ตาม ม.33 ม. 39 และม. 40 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ไปแล้ว รวม 16,694 คน (แท็กซี่ จำนวน 12,918 คนและวินมอเตอร์ไซค์ จำนวน 3,776 คน) โดยสนับสนุนเงินช่วยเหลือค่าของชีพคนละ 5000 บาท/เดือน รวม 16,694 คน ภายใต้กรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาท แล้ว