โควิด19 คลี่คลายดันดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมโตครั้งแรกรอบ 3 เดือน

20 ก.ค. 2565 | 14:12 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ก.ค. 2565 | 21:12 น.

โควิด19 คลี่คลายดันดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมโตครั้งแรกรอบ 3 เดือน ส.อ.ท.เผยภาคการผลิตมีทิศทางที่ดีขึ้นสอดคล้องกับดัชนีฯคำสั่งซื้อสินค้าและยอดขายในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ระดับ 86.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 84.3 ในเดือนพฤษภาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนโดยมีปัจจัยบวกจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เพิ่มเติม 

 

การปรับลดระดับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 3 เป็น 2 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น รวมถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ 

 

ขณะที่ภาคการผลิตมีทิศทางที่ดีขึ้นสอดคล้องกับดัชนีฯคำสั่งซื้อสินค้าและยอดขายในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้การที่ประเทศจีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมืองสำคัญ ทำให้สั่งซื้อสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบจากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนปัญหา Supply Shortage ที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกมีทิศทางชะลอตัวลง เนื่องจากหลายประเทศเผชิญปัญหาเงินเฟ้อส่งผลให้คำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศคู่ค้าชะลอตัวโดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

 

ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,335 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท. ในเดือนมิถุนายน 2565 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นได้แก่ ราคาน้ำมัน 90.3% สภาวะเศรษฐกิจโลก 69% สถานการณ์การเมือง 38.8% 

 

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมโตครั้งแรกรอบ 3 เดือน

 

ปัจจัยที่มีความกังวล ลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 55.2% สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 52.3% อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ 34% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 31%  

สำหรับดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 97.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 96.7 ในเดือนพฤษภาคม โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ

 

รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับบริษัทเอกชนที่นำพนักงานไปท่องเที่ยวในเมืองรองและเมืองหลัก เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ 

 

และการยกเลิก Thailand Pass ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2565 คาดว่าจะช่วยหนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น ตลอดจนความไม่แน่นอนของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน รวมถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย (Recession) ซึ่งจะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย

 

ส่วนข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ประกอบด้วย

 

  • ให้ภาครัฐเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อทดแทนตลาดที่ชะลอตัวและได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
  • ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงานในระยะสั้นและระยะยาว
  • ส่งเสริมและปรับปรุงกฎระเบียบให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคธุรกิจและภาคประชาชน
  • สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อการประหยัดพลังงาน