สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 8.25 ดอลลาร์ หรือ 7.9% ปิดที่ 95.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 7.61 ดอลลาร์ หรือ 7.1% ปิดที่ 99.49 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.
สัญญาน้ำมันดิบได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.05% แตะที่ 108.0720 เมื่อคืนนี้
โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น
ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในจีนอาจชะลอตัวลง หลังจากทางการจีนออกมาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยล่าสุดจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองหวู่กัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตเหล็กในมณฑลเหอหนานเป็นเวลา 3 วันตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. โดยเมืองหวู่กังมีประชากรประมาณ 300,000 คน และเป็นที่ตั้งของบริษัทหวู่กัง ไอรอน แอนด์ สตีล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง โดยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี CPI จะพุ่งขึ้น 8.8% สูงกว่าระดับ 8.6% ของเดือนพ.ค.
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)ออกรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนก.ค.เมื่อวานนี้ โดยคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งได้แรงหนุนจากการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี โอเปกเตือนว่าอุปสงค์น้ำมันยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง ซึ่งได้แก่ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล คอมโมดิตี อินไซท์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ก.ค.