ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ ตลาดกังวลอุปทานตึงตัวจากความไม่สงบในลิเบีย

05 ก.ค. 2565 | 09:44 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2565 | 16:51 น.

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ หลังตลาดกังวลอุปทานตึงตัวจากความไม่สงบในลิเบีย ล่าสุดบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียประกาศประกาศภาวะสุดวิสัย (force majeure) ในการส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือ Es Sidr และ Ras Lanuf

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 5 กรกฎาคม 2565 

 

+ ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับเพิ่มต่อ หลังตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบที่อาจตึงตัวจากการผลิตของกลุ่มโอเปกที่ปรับลดลงโดยเฉพาะประเทศลิเบียที่เผชิญเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศและการประท้วงของสหภาพแรงงานของนอร์เวย์ โดยล่าสุดบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียประกาศประกาศภาวะสุดวิสัย (force majeure) ในการส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือ Es Sidr และ Ras Lanuf ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบปรับตัวลดลงราว 0.8-0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับปกติ

- ขณะที่ รัฐบาลเอกวาดอร์เผยว่าสามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้ประท้วง หลังประเทศเผชิญกับการประท้วงมากกว่าสองสัปดาห์ จากข้อเรียกร้องในการลดราคาเชื้อเพลิงและจำกัดการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหมืองแร่และน้ำมัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยแปดราย และส่งผลกระทบต่อการผลิตกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงก่อนหน้า โดยล่าสุดปริมาณการผลิตปรับเพิ่มขึ้นมากว่า 90% ของระดับปกติแล้ว

 

- อัตราเงินเฟ้อของประเทศในกลุ่มยุโรป ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ ร้อยละ 8.6 จากที่ระดับ ร้อยละ 8.1 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 8.4 โดยมีผลกระทบหลักมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน อาหาร และภาคบริการ

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ ตลาดกังวลอุปทานตึงตัวจากความไม่สงบในลิเบีย

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันเบนซินในภูมิภาคตามการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางต่างๆ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยกดดันความต้องการใช้น้ำมันโดยเฉพาะสหรัฐฯ

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกจากเอเชียไปยังยุโรปปรับลดลง ส่งผลให้อุปทานปรับเพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย ขณะที่อินเดียกีดกันการส่งออกด้วยการบังคับใช้ภาษีส่งออก ท่ามกลางอุปสงค์ในภูมิภาคที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง

 

ที่มา : บมจ.ไทยออยล์