นายกฯรับปากช่วย กลุ่มเปาะบาง ผ่าน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ฝ่าวิกฤตน้ำมันแพง

22 มิ.ย. 2565 | 17:20 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2565 | 00:36 น.
1.7 k

“นายกรัฐมนตรี" เผย 3 แนวทางฝ่าวิกฤติน้ำมันแพง-ค่าครองชีพพุ่ง ระบุมีมาตรการช่วย "กลุ่มเปาะบาง" ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และดูแลผู้ประกอบการรายกิจกรรม ย้ำวิกฤตพลังงานเกิดขึ้นทั่วโลก รับปากหามาตรการไม่ให้กระทบประชาชนมากเกินไป

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยแนวคิดในการฝ่าวิกฤตน้ำมันแพง ค่าครองชีพสูงใน 3 แนวทาง โดยหนึ่งในนั้นคือช่วยเหลือครอบครัว - กลุ่มเปาะบาง ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมทั้งดูแลผู้ประกอบการเป็นรายกิจกรรมด้วย


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 22 มิ.ย. 65 ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหลายกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในการบริหารงานด้านพลังงานหลายเรื่อง คงไม่ใช่เรื่องเฉพาะราคาน้ำมันแพงหรือไม่แพงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องพลังงานในภาพรวมทั้งหมด 

นายกฯรับปากช่วย กลุ่มเปาะบาง ผ่าน \"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ\" ฝ่าวิกฤตน้ำมันแพง

ซึ่งมีหลายเรื่องเพื่อทราบ ความก้าวหน้าในการดำเนินการและปัญหาเหตุติดขัดต่างๆที่ต้องปรับรูปแบบของการใช้พลังงานของเราให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์เพื่อใช้แหล่งพลังงานอื่นมาทดแทน เพราะค่าแก๊ส คาน้ำมันแพงขึ้น โดยรายละเอียดกระทรวงพลังงานจะชี้แจงอีกครั้ง 

 

ทั้งนี้เรื่องพลังงานทุกคนทราบดีอยู่แล้ว  ไม่ได้เกิดเฉพาะประเทศไทยแต่เกิดกับทุกประเทศทั้งโลกในปัจจุบัน หลายกลุ่ม หลายฝ่ายเกี่ยวข้อง ดังนั้นหลัก 3 ประการของเราคือ ปัจจัยพลังงานที่แพงขึ้นในวันนี้ เราต้องศึกษา ทำความเข้าใจว่าปัจจัยมาจากไหน จากภายนอก หรือภายใน เกิดขึ้นทั่วโลกหรือไม่ หรือประเทศไทยประเทศเดียว

 

“ผมยืนยันว่าทุกประเทศที่มีการนำเข้าต้นทุนพลังงานจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย ของเราทราบดีอยู่แล้วว่ามีพลังงานของเราเองเท่าไหร่ ทั้งทางบก ทางทะเล อะไรก็แล้วแต่ รัฐบาลก็พยายามหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติมเพื่อทดแทนแก้ปัญหาในอนาคตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะมีการพิจารณา เพราะเราจะต้องแก้ปัญหาให้ได้ “นายกฯกล่าว 

นายกฯรับปากช่วย กลุ่มเปาะบาง ผ่าน \"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ\" ฝ่าวิกฤตน้ำมันแพง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง 3 แนวทางในการดูแลสถานการณ์ว่า

 

ประการที่ 1. เราจะต้องดูแลความมั่นคงเสถียรภาพพลังงาน ไม่ให้เกิดการขาดแคลนหรือขยายตัวการประกอบการ เพื่อให้การประกอบการธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ 

 

ประการที่ 2. เราจะต้องดูแลราคาพลังงานไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนจนมากเกินไป โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ก๊าสหุงต้มซึ่งมีผลกระทบต่อค่าครองชีพ ประชาชนในวงกว้าง ซึ่งวันนี้ราคาน้ำมันของไทยถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านยังต่ำอยู่ในลำดับที่ 7 หรือ 8 จาก 10 ประเทศอาเซียน  

 

ประการที่ 3. เราจะดูแลช่วยเหลือครอบครัวหรือกลุ่มเปาะบาง ผ่านมาตรการใดบ้าง เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือเป็นรายกิจกรรม รายผู้ประกอบการ และเราจะต้องรักษาสมดุล การใช้เงินต่างๆ เหล่านี้เพื่อช่วยเหลือประคับประคองพลังงานและการเจริญเติบโตเศรษฐกิจเสถียรภาพการเงินการคลัง เพื่อเติบโตให้ได้ในอนาคต ถ้าเราเป็นภาระมากเกินไป วันหน้าทุกอย่างจะย้อนกลับที่เราอีก 

นายกฯรับปากช่วย กลุ่มเปาะบาง ผ่าน \"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ\" ฝ่าวิกฤตน้ำมันแพง

ดังนั้นเราต้องเดินอย่างระมัดระวังที่สุด และสิ่งหนึ่งที่เป็นข้อยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลทะในวันนี้แม้จะถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง แต่วันนี้เราก็ต้องรับฟังผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันฟิทซ์ เรตติ้ง(Fitch) ซึ่งให้ความเชื่อมั่นในเสถียรภาพด้านการเงิน การคลังของไทย อยู่ในเกณฑ์ระดับสูง BBB+ เช่นเดียวกับการเกิดก่อนโควิดและเกิดปัญหาพลังงานในขณะนี้ แสดงว่าเราดำเนินการมาได้ดีพอสมควร เรายืนยันตรงนี้และพยายามจะทำให้ดีที่สุดในทุกๆเรื่อง