“พาณิชย์”ตอกกลับ กรณ์ ปมลดค่าการกลั่นน้ำมัน

21 มิ.ย. 2565 | 09:37 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มิ.ย. 2565 | 17:23 น.

“พาณิชย์”ตอกกลับ กรณ์ ดูกฎหมายก่อนวิจารณ์ ชี้กระทรวง“พลังงาน”ดูค่ากลั่นน้ำมัน ขณะที่พาณิชย์แม้มีพ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและการบริการ แต่ดูแลเรื่องปิดป้ายแสดงราคาและตรวจสอบความถูกต้องของหัวจ่ายน้ำมันเท่านั้น

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีต รมว.คลัง เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงและวิธีการหนึ่งที่จะทำให้ราคาน้ำมันลดได้ทันที คือการใช้อำนาจตามมาตรา 24 และ 25(2) พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและการบริการ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็น สามารถใช้อำนาจกำหนดอัตรากำไรของสินค้าควบคุมได้นั้น   

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์

เรื่องราคาน้ำมันที่กำลังมีคนชี้มาที่กระทรวงพาณิชย์ว่าเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งไม่ใช่ ขอเรียนว่าอำนาจหน้าที่ในเรื่องของราคาน้ำมันซึ่งน้ำมันนั้นเป็นสินค้าเฉพาะมีข้อกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแล กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันฉบับที่หนึ่ง คือ พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มาตรา 6(2) กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติไว้ว่า คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่วางหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกำหนดราคาพลังงาน

 

 โดยให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนการพัฒนาและบริหารพลังงานของประเทศ ถ้าดูกฎหมายนี้จะเห็นว่าคนเกี่ยวข้องกับราคาพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นการเฉพาะคือ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นเลขานุการ ) ซึ่งการกำหนดราคาหรือการวางหลักเกณฑ์เรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิงต้องสอดคล้องกับนโยบายและแผนพัฒนาและบริหารพลังงานแห่งประเทศด้วย เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของกระทรวงพลังงาน

“พาณิชย์”ตอกกลับ กรณ์ ปมลดค่าการกลั่นน้ำมัน

"กฎหมายนี้กำหนดเอาไว้ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับราคาพลังงาน และที่กระทรวงพลังงานอาจจะมีแนวคิดการเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงาน  พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องคือ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำหนดไว้ มาตรา 5 ให้มีการจัดตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานการณ์วิกฤติน้ำมัน  จะเห็นชัดว่าราคาพลังงานเป็นเรื่องที่ใครเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะมีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่บอกไว้ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในภาวะวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิง”

“พาณิชย์”ตอกกลับ กรณ์ ปมลดค่าการกลั่นน้ำมัน

และมาตรา 27 พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำหนดไว้ว่าใครเป็นผู้ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมาตรา 27(1)โรงกลั่น 27(2) ผู้นำเข้า ก็จะเห็นอยู่แล้วว่ากองทุนมีหน้าที่อะไรในเวลาสถานการณ์วิกฤติ ใครควรเข้ามาบริหารจัดการและใครที่จะมีหน้าที่ส่งเงินเข้ากองทุน คือ ผู้ผลิตน้ำมันในประเทศซึ่งเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันด้วย ซึ่งเป็นโรงกลั่นการใช้เงินเข้ากองทุนให้เป็นไปตามคณะกรรมการบริหารกองทุนกำหนด ประธานคือกระทรวงพลังงาน ที่กระทรวงพลังงานให้ข่าวคือการใช้อำนาจตามกฎหมายที่กระทรวงพลังงานรับผิดชอบกำกับดูแลอย่างถูกต้องทางกฎหมายที่สุด กรณีใดๆที่เป็นสินค้าเฉพาะโดยหลักการของกฎหมายต้องไปว่าที่กฎหมายเฉพาะนั้นๆก่อน

พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542

ในส่วนที่กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแล พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการว่า ถามว่าทำไมไม่ใช้ราคาตาม พ.ร.บ.ราคาสินค้าและบริการ กรณีที่ถามเช่นนั้นต้องบอกว่าโดยหลักการของกฎหมาย หากมีกฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะสำหรับเรื่องใด นักกฎหมายย่อมเข้าใจดีว่าต้องเดินเริ่มจากตรงนั้นเพราะกฎหมายกำหนดไว้ให้เห็นชัดเจนแล้ว

ถ้าไปดูใน พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติท้ายกฎหมายจะเขียนไว้ ด้วยว่า การบริหารพลังงานของประเทศ กระจัดกระจายตามหน่วยงานต่างๆดังนั้น เพื่อให้มีเอกภาพจึงได้จัดตั้ง คณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาเพื่อให้การบริหารจัดการเรื่องพลังงานมีเอกภาพ ดังนั้นกฎหมายชัดเจนที่สุด วัตถุประสงค์ ข้อกำหนด ที่มาเรื่องการมีกฎหมายฉบับนี้ ณ เวลานี้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายจึงอยู่ตามกฎหมาย 2 ฉบับดังกล่าว เพื่อตอบคำถามหลายข้อโดยเฉพาะในสังคมโซเชียลมีเดีย ขอให้เข้าใจว่าไม่ได้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ตั้งแต่แรก

ส่วนที่มีคนกล่าวอ้างว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน กกร.โดยตำแหน่งและในกฎหมายกำหนด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าควบคุม อยู่ในอำนาจของประธาน กกร.อยู่แล้ว ตรงนี้ไปสัมพันธ์กับ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการที่กระทรวงพาณิชย์ดูแลหรือไม่   ทุกวันนี้ LPG มีการประกาศราคาโดยกระทรวงพลังงานและกระทรวงพลังงานเป็นคนกำหนดราคา LPG ที่จะมีการปรับราคาขึ้นราคาเป็นขั้นบันไดว่า เดือนละเท่าไหร่ต่อครั้ง

“จะเห็นว่ากระทรวงพลังงานเป็นคนประกาศ ด้วยเหตุผลที่บอกแล้วและใช้เงินกองทุนในเรื่องนั้น วิธีการบริหารโดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ แต่ถามว่ากระทรวงพาณิชย์ทำอะไรในเรื่องของ LPG  หน้าที่กระทรวงพาณิชย์ก็คือเมื่อกระทรวงพลังงานประกาศราคาออกมาแล้ว ใครขายเกินกว่านี้กระทรวงพาณิชย์จับ โดยอาศัยมาตรา 29 คือ ผู้ใดจงใจจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร มีโทษผิดพระราชบัญญัติราคา เช่น กระทรวงพลังงานแจ้งราคาถังละ 380 บาท ถ้าใครขาย 400 บาท กระทรวงพาณิชย์จับ เป็นต้น อันนี้เป็นตัวอย่างที่จะเห็นว่า LPG ประกาศราคาโดยกระทรวงพลังงานมาตลอดดังนั้นคำถามคือ เพราะเหตุใดกระทรวงพลังงานประกาศราคา LPG ได้ แต่พอมาราคาน้ำมันเหตุใดบางคนจึงมาบอกว่าให้กระทรวงพาณิชย์เป็นคนกำกับดูแล ผมคิดว่าหน่วยงานราชการทุกหน่วยมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ กฎหมายใครก็กฎหมายคนนั้น กฎหมายกำหนดความรับผิดชอบอยู่ที่ใดผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ควรที่ผู้ใดจะมาบิดเบือนหลักการนี้”

นายจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน

ขณะที่นายจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ธุรกิจพลังงานถือเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะที่มีความซับซ้อนตลอดห่วงโซ่อุปทาน การกำกับดูแลจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญและมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจด้านพลังงาน รวมทั้งโครงสร้างต้นทุนและราคาพลังงาน ที่สำคัญการตัดสินใจในการกำหนดมาตรการใดๆ จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน และพิจารณาถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน

ส่วนการใช้อำนาจ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ของกระทรวงพาณิชย์จะใช้ในการกำกับดูแลสินค้าทั่วไปที่ไม่มีกฎหมายหรือกลไกเฉพาะ เช่น กรณีสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับประชาชน อย่างไรก็ตาม เพื่อเสริมสร้างความเป็นธรรมทางการค้า ได้มีการกำหนดมาตรการให้สถานีบริการน้ำมันปิดป้ายแสดงราคา และมีการตรวจสอบความถูกต้องเที่ยงตรงของหัวจ่ายน้ำมันมาอย่างต่อเนื่อง