ต่างชาติแห่ลงทุนไทยเดือนพ.ค.เงินทุนกว่า1.8หมื่นล้าน

17 มิ.ย. 2565 | 09:57 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มิ.ย. 2565 | 17:05 น.
673

ต่างชาติแห่ลงทุนไทยเดือนพ.คเงินทุนกว่า1.8หมื่นล้าน41 รายส่วนใหญ่เป็นสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และหมู่เกาะเคย์แมน จ้างงานคนไทย 753 คนและในพื้นที่อีอีซีมีเม็ดเงินลงทุนอีดกว่า1.5หมื่นล้านบาท

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 12 ราย คิดเป็นร้อยละ 29 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมดในเดือนนี้ โดยมีเงินลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 15,162 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 81 ของเงินลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 5 ราย ลงทุน 13,782 ล้านบาท สิงคโปร์ 3 ราย ลงทุน 348 ล้านบาท และ เนเธอร์แลนด์ 1 ราย ลงทุน 700 ล้านบาท

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ 1) บริการรวบรวม จัดเก็บ จัดส่งและประมวลผลข้อมูล การประสานงาน รวมถึง การควบคุมการใช้งานสินค้า 2) บริการประกอบติดตั้งชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ 3) บริการรับจ้างผลิตกล้องถ่ายรูปดิจิทัล (Digital Camera) ชุดเลนส์ (Camera Lens) และชิ้นส่วนสำหรับกล้องถ่ายรูปดิจิทัล เป็นต้น

 

ต่างชาติแห่ลงทุนไทยเดือนพ.ค.เงินทุนกว่า1.8หมื่นล้าน

และเดือนพฤษภาคมนี้ คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 41 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 19 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 22 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 18,695 ล้านบาท   

ต่างชาติแห่ลงทุนไทยเดือนพ.ค.เงินทุนกว่า1.8หมื่นล้าน

ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และหมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 1,318 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 753 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน และลงทุนผ่านการขอหนังสือรับรองประกอบธุรกิจฯ จำนวน 17,377 ล้านบาท

ต่างชาติแห่ลงทุนไทยเดือนพ.ค.เงินทุนกว่า1.8หมื่นล้าน

ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ อันจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย อาทิบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับในประเภทการให้บริการรับชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์   บริการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับองค์กรธุรกิจ (Enterprise Software) และสารสนเทศที่มีรูปแบบดิจิทัล (Digital Content)   บริการพัฒนาและให้บริการซอฟต์แวร์ด้านวิเคราะห์และเชื่อมโยง เพื่อบริหารจัดการข้อมูล Big Data, Data Analytics รวมถึง Predictive Analytics   บริการรับจ้างผลิต Integrated Circuit (IC)  บริการขุดเจาะปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย เป็นต้น