ครม.เทงบกลางกว่า 2 พันล้าน ซ่อมแซมถนนเสียหายจากน้ำท่วมใน 40 จังหวัด

14 มิ.ย. 2565 | 15:25 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มิ.ย. 2565 | 22:24 น.

ครม.อนุมัติงบกลางวงเงิน 2.2 พันล้านบาทเพื่อก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซมถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ อปท. ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยใน 40 จังหวัด รวม 889 โครงการ

14 มิถุนายน 2565 นางสาวไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นวงเงิน 2,241 ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซมถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยจำนวน 40 จังหวัด อปท.จำนวน 625 แห่ง รวม 889 โครงการ ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม 2564 ได้เกิดอุทกภัยจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ คือ พายุโซนร้อนโกนเซิน และพายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่ ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างกว้างขวาง และเป็นสาเหตุให้สิ่งก่อสร้าง ถนน

สิ่งสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ของ อปท.ได้รับผลกระทบในหลายพื้นที่ซึ่งมีทั้งโครงการขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 13 จังหวัด 13 อบจ. 13 โครงการ เช่น โครงการปรับปรุง ซ่อมแซมถนนลาดยาง ซ่อมสร้างถนนลูกรังปิดผิวลาดยางแอสฟัลต์คอนกรีต, เทศบาลนครมี 1 จังหวัด 1 เทศบาลนคร 2 โครงการ คือ เทศบาลนครนครราชสีมา เช่น ปรับปรุงผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก

 

เทศบาลเมือง 2 จังหวัด 2 เทศบาลเมือง 4 โครงการ เช่น ปรับปรุงผิวจราจรโดยการปูแอสฟัลต์ติกคอนกรีตด้วยวิธี Overlay และเทศบาลตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ใน 40 จังหวัด 189 เทศบาลตำบล 420 อบต.จำนวน 870 โครงการ เช่น ปรับปรุงผิวจราจรจากถนนลูกรังเป็นถนนหินคลุกบดอัด

ขณะที่กระทรวงกลาโหมและกระทรวงคมนาคมเห็นด้วยกับการอนุมัติงบประมาณครั้งนี้ โดยกระทรวงคมนาคมมีความเห็นเพิ่มเติมว่า โครงการที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณควรมีความพร้อมของแบบแปลน และประมาณราคา สามารถดำเนินการก่อสร้างและเบิกจ่ายงบประมาณได้แล้วเสร็จโดยเร็ว และขอให้กระทรวงมหาดไทยปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติครม.และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัดต่อไป