จ๊าก! “น้ำยางสด” หัวทิ่ม วันเดียว ร่วง 4.50 บาท/กิโลกรัม

นายวรเทพ วงศาสุทธิกุล นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมน้ำยางข้นไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” จากภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ของจะแพงขึ้นต้องดูอีกสักระยะหนึ่ง แต่เข้าใจว่าประเทศผู้ใช้อย่างประเทศจีน รับราคาไม่ไหว ทำอย่างไรที่จะทำให้ราคาโภคภัณฑ์ทั้งหลายราคาถูกลง ในเมื่อกดเงินเฟ้อไม่ลง รวมทั้งน้ำมันดิบด้วย ดังนั้นเมื่อพิจารณาแล้ว “ยางพารา” เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่สำคัญเท่าไรในขณะนี้ ไม่ใช่เป็นอาหาร หรือปุ๋ยเคมี ยังพอเอาอยู่ได้

“สินค้าอย่างอื่นฉุดไม่อยู่ ราคาพุ่งพรวด แต่ว่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้ สัปดาห์ที่แล้วยังดีอยู่ เมืองเซียงไฮ้ เปิดกว่า 80% จากที่ปิดเมืองล็อกดาวน์โควิด ต้องติดตามอีกสักระยะหนึ่งว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จากราคาที่วันเดียวร่วง 4.50 บาท/กิโลกรัม”

ด้านนายพงศ์นเรศ วนสุวรรณกุล นายกสมาคมน้ำยางข้นไทย คนใหม่ กล่าวว่า เป็นไปตามสถานการณ์ราคาตลาด เป็นราคาที่ลงอยู่ในกรอบที่เหมาะสม แต่ว่าคงลงไม่มากกว่านี้แล้ว ราคายังอยู่ระหว่างยางแผ่นดิบ กับ ขี้ยาง หากราคาเป็นอย่างนี้พวกยางแผ่นดิบจะทำไม่ได้เลย เป็นราคาที่ลงมาต่ำกว่าราคาแผ่นดิบเล็กน้อย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ควรจะเป็นอยู่ระหว่างนี้ แต่ไม่ลงลึกไปกว่านี้แล้ว ส่วนตลาดถุงมือกับตลาดแปรรูปจากน้ำยางสด เส้นด้าย ยางยืด ค่อนข้างจะทรงตัว เพราะก่อนหน้านี้ราคาวัตถุดิบค่อนข้างจะสูงเกินไป ตอนนี้กลับมาสู่สมดุลแล้ว ราคาควรจะอยู่ประมาณนี้ประคองตัวไป หากมีฝน พายุ เข้า ก็มีแนวโน้มราคาจะปรับตัวขึ้นได้อีก

“ความจริงก็ไม่ได้ลงทีเดียว ก่อนหน้านี้มีการลงวันละนิด แต่ติดวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ไม่มีราคาประกาศ พอวันนี้ (13 มิ.ย.65) มีประกาศจึงดูเหมือนว่าราคาลงมาเยอะ แต่ความจริง ลงมาวันละ 1-2 บาท/กิโลกรัม ตั้งแต่วันศุกร์แล้ว มองว่าเป็นเหตุการณ์ปกติ เป็นการปรับราคาเข้าสู่สมดุล คาดว่าราคาจะทรงตัว คงจะไม่ลงมาก น้ำยางสดเก็บไม่ได้ ไม่เหมือนยางชนิดอื่น เพราะก่อนหน้านี้มีการซื้อแพงเกินจริงไปเยอะมาก เพราะฝนตกต่อเนื่อง”

นายพงศ์นเรศ กล่าวว่า  มีที่ไหนน้ำยางสด แพงกว่ายางแผ่นดิบราคาเท่ากับ ยางแผ่นรมควัน ซึ่งในตอนนั้น ยางทั้ง 2 ชนิด ก็ทำไม่ได้ ช่วงนั้นฝนเยอะทำให้ซัพพลายผลผลิตขาด แต่ตอนนี้วัตถุดิบออกมาปกติ ก็ปรับสู่สมดุล แล้วราคาก็คงจะลงลึกไม่ได้ เพราะถ้าราคาลงห่างจากแผ่นดิบเยอะคนก็หันไปซื้อแผ่นดิบหมด ก็ซื้อไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นราคาก็น่าจะอยู่ประมาณนี้ ไม่ลงไปมากกว่านี้แล้ว