คลัง การันตีงบประมาณ 66 รัฐบาลรีดรายได้พุ่งกว่าเดิมแน่

01 มิ.ย. 2565 | 15:34 น.
อัปเดตล่าสุด :01 มิ.ย. 2565 | 22:37 น.

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงสภา การันตีการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2566 เพิ่มกว่าปีนี้แน่นอน ตั้งเป้าหมาย จัดเก็บรายได้ 2.49 ล้านล้านบาท แจงยิบตั้งแต่ปี 57 ถึงปัจจุบันเก็บรายได้ยังไง ปีไหนหลุดเป้าบ้าง

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ว่า รัฐบาลได้ประมาณการจัดเก็บรายได้ในงบประมาณปี 2566 ไว้ที่ 2.49 ล้านล้านบาท เพิ่มเติมจากปีงบประมาณ 2565 ซึ่งประมาณการรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท

 

“การจัดเก็บรายได้ในปีก่อน ๆ มีทั้งที่เก็บได้สูงกว่าประมาณการ และต่ำกว่าประมาณการ ซึ่งในปี 2565 เชื่อว่า น่าจะจัดเก็บรายได้เกินเป้าหมายเล็กน้อย เพราะล่าสุดยอด 7 เดือน คือตุลาคม 2564 – เมษายน 2565 จัดเก็บรายได้สุทธิ 1.27 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 3.7% เดือนที่เหลือน่าจะจัดเก็บได้ตามเป้า แต่ไม่สูงไม่มากนัก เพราะส่วนหนึ่งได้มีการจปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 3-5 บาทต่อลิตร”

ส่วนในปีงบประมาณ 2566 การจัดเก็บรายได้น่าจะจัดเก็บได้ตามประมาณการ เพราะประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือเป็นรายได้อีกทาง รวมไปถึงการนำเข้าสินค้าเข้ามาเพื่อใช้ในการลงทุน ก็ทำให้จัดเก็บรายได้ส่วนนี้ได้เพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมาย 2.49 ล้านล้านบาท 

 

นายอาคม กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบันมีช่วงปีที่จัดเก็บรายได้ลดลงคือ ในปี 2557 จัดเก็บรายได้ลงลงจากปีงบประมาณก่อน 4% เป็นผลมาจากการปรับลดการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลลงจาก 30% เหลือ 20% ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณนี้ลดลง

 

ส่วนในปี 2560 มีการจัดเก็บรายได้ลดลงจากประมาณการ เนื่องจากในปี 2559 มีรายได้พิเศษจากผลประโยชน์ในการประมูลเทคโนโลยี 4G ทำให้มีรายได้เข้ามามากในปีก่อน ส่งผลให้ปีต่อมารายได้ลดลง ส่วนในปี 2556-2564 ก็เป็นอีกปีที่รายได้ปรับลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 

“ประเด็นการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องเป็นเวลานาน จริง ๆ ไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นด้านการดำเนินนโยบายการคลัง ซึ่งประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกก็ดูว่าสถานการณ์หลังโควิด หน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจหลายแห่งก็มองว่า หลังจากผ่านโควิดคลี่คลายการดำเนินนโยบายการเงินการคลัง ต้องเข้าสู่หมวดปกติ และรักษาวินัยการเงินการคลังให้ได้ ซึ่งไทยก็ต้องเดินตามนั้น”