ก.ล.ต.จ่อทบทวนโทษทางแพ่ง “ปั่นหุ้น-อินไซด์เทรดดิ้ง”

ประเด็นการ “ปั่นหุ้น-อินไซด์เทรดดิ้ง” ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดย นายศักรินทร์ ร่วมรังษี รองเลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายในปี 2565 ก.ล.ต.มีแผนแก้กฎหมายเกี่ยวกับการสร้างราคาหุ้น หรือ ปั่นหุ้น และการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน หรือ อินไซด์เทรดดิ้ง จากเดิมกฎหมายดังกล่าวจะลงโทษผู้กระทำผิดที่เป็นบุคคลภายในเท่านั้น แต่กฎหมายใหม่จะเอาผิดทางกฎหมายกับบุคคลที่ได้รับข้อมูลด้วย

ก.ล.ต.ยังจะใช้มาตรการในเชิงป้องกันผ่านการให้ความรู้ว่าการกระทำใดบ้างที่เข้าข่ายการปั่นหุ้นและอินไซด์เทรดดิ้ง และนำเทคโนโลยี อาทิ ปัญญาประดิษฐ์  / ระบบคอมพิวเตอร์ที่เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง (Machine Learning) มาช่วยตรวจสอบธุรกรรมที่มีความผิดปกติ เพื่อป้องกันและยับยั้งการกระทำความผิดตั้งแต่ต้น

ก.ล.ต.มีแผนประเมินและทบทวนมาตรการลงโทษ

มาตรการลงโทษทางแพ่งในปีนี้

• สำนักงานฯ ใช้ลงโทษผู้กระทบผิดมามากกว่า 5 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2559 เห็นสมควรต้องทบทวนประสิทธิผล แม้จะช่วยดำเนินการกับผู้กระทำผิดทำได้เร็วและมีประสิทธิผล แต่ยังมีข้อเสียที่เรียกกันว่า “เจอ จ่าย จบ” คือ เมื่อผู้กระทำผิดมาจ่ายค่าปรับก็จบไป 

มาตการลงโทษทางอาญา

• อยู่ระหว่างเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ ก.ล.ต.มีอำนาจในการสอบสวนก่อนส่งเรื่องไปยังอัยการ จากเดิมต้องดำเนินการผ่านพนักงานสอบสวน ซึ่งที่ผ่านมามีการร่วมมือกับตำรวจด้านเศรษฐกิจ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และตำรวจด้านเทคโนโลยี แต่ยังมีอุปสรรคในแง่ที่ต้องใช้ความรู้และความเข้าใจที่มีลักษณะเฉพาะในการสอบสวน

แก้ไขกฎหมายคุ้มครองพยานให้เข้ามาอยู่ในกฎหมายหลักทรัพย์

• โดยเฉพาะพยานบุคคล ซึ่งเป็นพยานสำคัญในการสนับสนุนการจับผู้กระทบความผิด จากเดิมพยานบุคคลมักเกรงกลัวการให้ข้อมูล เนื่องจากผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลใกล้ชิด หรือเป็นบุคคลที่พยานอยู่ใต้อิทธิพล 

สินทรัพย์ดิจิทัล ก.ล.ต.มีแผนบังคับใช้กฎหมาย

การดูแล Front-line Regulator หรือศูนย์การซื้อขาย (Exchange) ให้ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยในตลาด ดูแลผู้ออกเหรียญให้เปิดเผยข้อมูลที่ครบถ้วน รวมถึงดูแลสภาพการซื้อขาย ซึ่งอาจพิจารณาเครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องหมายหยุดซื้อขาย หรือเพดานซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (ซิลลิ่ง-ฟลอร์) เป็นต้น