กนอ. -พพ.-สถาบันการเงิน หนุนโรงงานใช้พลังงานสะอาด ลดก๊าซเรือนกระจก

23 มี.ค. 2565 | 13:23 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มี.ค. 2565 | 20:23 น.

กนอ. -พพ.-สถาบันการเงิน หนุนโรงงานใช้พลังงานสะอาด ลดก๊าซเรือนกระจก ตั้งเป้าระยะแรกาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. ดำเนินการเอง 15 แห่ง 1,505 โรงงาน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. ได้ดำเนินการกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในโครงการรลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 

และศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งธุรกิจเพื่อส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจก ของ กนอ. ปีงบประมาณ 2565

 

ทั้งนี้ ในระยะแรกตั้งเป้าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. ดำเนินการเอง 15 แห่ง จำนวน 1,505 โรงงาน ให้ตระหนักถึงความจําเป็นในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนนโยบายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม เพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) 

 

กนอ. มีนโยบายในการขับเคลื่อนแผนงานและกิจกรรมเพื่อการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและการลดก๊าซเรือนกระจก ทั้งด้านการพัฒนาองค์ความรู้ การจัดการฐานข้อมูล การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน รวมถึงการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ผ่านเครือข่ายความร่วมมือต่าง ๆ 

อย่างไรก็ดี กนอ. และ พพ. จะร่วมกันดำเนินงานภายใต้กรอบความเข้าใจใน 4 ด้าน ได้แก่

 

ด้านการสนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน ด้านการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม 
 

ด้านการพัฒนาบุคลากร ระบบฐานข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน 
ด้านการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แผนงาน/กิจกรรม ภายในระยะเวลา 3 ปี (2565 – 2567) 

 

กนอ. -พพ.-สถาบันการเงิน หนุนโรงงานใช้พลังงานสะอาด ลดก๊าซเรือนกระจก

 

นายวีริศ กล่าวต่อไปว่า การดำเนินการร่วมกับ พพ. จะก่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจก เกิดการผลักดันให้มีการดำเนินการตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน มีการใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้า

 

คาดว่าจะเกิดการประหยัดพลังงานสะสมได้กว่า 640 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2567 คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้กว่า 2,560 ล้านบาท และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 3.4 แสนตันคาร์บอนไดออกไซด์

นอกจากนี้ กนอ. ยังได้ดำเนินการร่วมมือกับสถาบันการเงิน 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ,ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ,ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) 

 

กนอ. จะร่วมมือกับธนาคารเครือข่ายทั้ง 4 แห่ง ในด้านการส่งเสริมสนับสนุนมาตรการทางการเงิน (Financial support) แก่ผู้ประกอบการ และร่วมมือกับ บสย. พิจารณาการค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีการดำเนินงานสอดคล้องตามกฎหมายหรือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงาน

 

การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน การดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ. 

 

ต้นทุนของการใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนที่ลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความต้องการที่จะใช้ไฟฟ้าจากพลังงานประเภทนี้มากขึ้น อีกทั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับพลังงานรูปแบบใหม่ยังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น

 

การเกิดขึ้นของตลาดคาร์บอนเครดิต และการทำสัญญาซื้อขายพลังงานในรูปแบบใหม่ ทุกฝ่ายจึงควรเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อบรรลุเป้าหมายการขับเคลื่อนพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วน 30% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2573 รวมถึงตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2608  

 

นายประเสริฐ  สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรม พพ. กล่าวว่า ภารกิจหลักของ พพ.คือ การกำกับดูแลการอนุรักษ์พลังงาน การพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน รวมถึงการบริหารจัดการพลังงานเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีการใช้ได้อย่างเพียงพอและมีราคาที่เหมาะสม

 

โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ทุกฝ่ายกำลังเผชิญทั้งปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 (Covid-19) และปัญหาราคาพลังงานที่สูงขึ้นจากภัยสงครามรัสเซีย-ยูเครน

 

"พพ.พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายหรือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงาน การนำมาตรฐาน BEC ไปใช้ในอาคารก่อสร้างใหม่หรือดัดแปลงในพื้นที่ กนอ. และกำกับให้โรงงานและอาคารในสังกัด กนอ. ปฏิบัติตามกฎหมายอนุรักษ์พลังงาน  ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน"

 

โดยการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีแผนงานส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้า เป้าหมายไม่น้อยกว่า 150 เมกกะวัตต์ และส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร เพิ่มความเชี่ยวชาญกำกับดูแลการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนได้ไม่น้อยกว่า 1,100 คน

 

พัฒนาระบบฐานข้อมูลและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน และการสนับสนุนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการภายใต้กรอบความร่วมมือ และส่งเสริมการดาเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานทั้งหมดมีเป้าหมายดำเนินการเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยคาดว่าจะเกิดการประหยัดพลังงานสะสม ณ ปี 67 กว่า 640 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 2,500 ล้านบาท สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 3.4 แสนตันคาร์บอนไดออกไซต์  

 

และก่อให้เกิดความสำเร็จด้านพลังงานได้อย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์พลังงานของประเทศ เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป