รพ.มหาราชฯเชียงใหม่ต้นแบบ5Gบริการแพทย์ทางไกลภาคเหนือ

22 ม.ค. 2565 | 17:56 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ม.ค. 2565 | 01:08 น.

 รัฐมนนตรีดิจิทัลฯติดตามความก้าวหน้า โครงการนำร่องพัฒนา5Gต้นแบบ โรงพยาบาลมหาราชฯเชียงใหม่ ทำระบบการแพทย์ทางไกล กับโรงพยาบาลเครือข่ายในภาคเหนือ เข้าโรงพยาบาลเล็กได้รับบริการเหมือนโรงพยาบาลใหญ่ ลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง ดูแลคนไข้ตั้งแต่อยู่ในรถพยาบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2565 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(MDES) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้า โครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยยี 5G ต้นแบบ

 

สำหรับให้บริการประชาชน (5G District) จังหวัดเชียงใหม่ และส่วน 5G Smart Health ในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้งบประมาณสนับสนุน โดยมีศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ พร้อมคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ

รพ.มหาราชฯเชียงใหม่ต้นแบบ5Gบริการแพทย์ทางไกลภาคเหนือ

รพ.มหาราชฯเชียงใหม่ต้นแบบ5Gบริการแพทย์ทางไกลภาคเหนือ

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติ โครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยยี 5G ต้นแบบ สำหรับให้บริการประชาชน (5G District) ในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วน 5G Smart Health งบประมาณสนับสนุน จำนวน 49,306,000 บาท จากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้กรอบนโนบายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ของประเทศไทย

 

เพื่อต่อยอดการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยี 5G ให้เกิดการพัฒนาดิจิทัลของประเทศ ที่ครอบคลุมในทุกด้าน ส่งผลให้เกิดการผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และลดช่องว่างทางสังคม ช่วยให้เกิดความรู้และทักษะดิจิทัลที่เหมาะสมกับบุคลากรทุกกลุ่ม และพัฒนากระบวนการทำงาน และการให้บริการของภาครัฐด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลต่อไป

รพ.มหาราชฯเชียงใหม่ต้นแบบ5Gบริการแพทย์ทางไกลภาคเหนือ

รพ.มหาราชฯเชียงใหม่ต้นแบบ5Gบริการแพทย์ทางไกลภาคเหนือ

ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ในวงการแพทย์มากขึ้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการเป็น Digital Organization ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งนี้ เพื่อตอบยุทธศาสตร์ของชาติ ในการใช้เทคโนโลยี 5G มาพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศไทย และ เป็นตัวอย่างในการสร้างระบบสาธารณสุข ด้านเทเลเม็ดดิซีนแพลตฟอร์ต (telemedicine platform)

 

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็น 2 องค์กรที่มีวิสัยทัศน์ตรงกัน ในการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยของโลก มาประยุกต์และสร้างระบบสาธารณสุขแบบใหม่ จึงทำโครงการขนาดใหญ่ร่วมกัน 2 โครงการ กล่าวคือ

(1) โครงการนำร่องการพัฒนาย่านเทคโนโลยี 5G ต้นแบบ สำหรับให้บริการประชาชน(5G District) จังหวัดเชียงใหม่ (โครงการ 5G smart health)

(2) โครงการจัดตั้งศูนย์บริการทางการแพทย์ทางไกลเพื่อขยายการเข้าถึงการให้บริการประชาชน

 

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพระบบบริการสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมีการพัฒนาอย่างมาก สามารถนำมาเพิ่มประสิทธิภาพระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine)
    

โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยระดับตติยภูมิขั้นสูง ที่มีแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ โดยประชาชนส่วนใหญ่ที่เข้ามารับการรักษาพยาบาล อาศัยในเขตจังหวัดภาคเหนือ ซึ่งส่วนมากอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลอำเภอเมือง ต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทาง ทำให้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) 

 

ดังนั้น โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จึงนำเทคโนโลยี 5G มาประยุกต์ใช้ ในการส่งเสริมบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ด้วยเทคโนโลยีจำลองภาพเสมือนจริงสามมิติด้วยรถพยาบาลอัจริยะ (AR technology with Smart ambulance) พร้อมบูรณาการแว่นตาอัจฉริยะ (AR consulting glasses) ผ่านเครือข่าย 5G ในการปรึกษาและรักษาผู้ป่วยบนรถ Smart ambulance แบบ real time ระหว่างโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลจังหวัด และโรงพยาบาลประจำอำเภอ ในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนบนที่ร่วมโครงการ จำนวน 20 แห่ง 

 

ทำให้ผู้ป่วยสามารถรับคำปรึกษาจากแพทย์ผ่าน Web Application ได้อย่างครบวงจร โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพียงเดินทางไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอที่ใกล้เคียงที่พัก หรือที่สะดวกในการเข้ารับบริการ อีกทั้งยังทำให้สามารถลดต้นทุนด้านการเดินทาง และลดเวลาแก่ผู้ป่วยได้ ที่สำคัญผู้ป่วยยังสามารถได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) 

 

โดยผลลัพธ์ของทั้ง 2 โครงการจะเป็นการสร้าง telemedicine platform ที่บูรณาการระหว่าง ระบบการแพทย์ทางไกล ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลจังหวัด และโรงพยาบาลประจำอำเภอในเขตจังหวัดภาคเหนือตอนบน และมีการนำ AR technology และ 5G เทคโนโลยี มาเพิ่มประสิทธิภาพรถพยาบาลฉุกเฉิน ทำให้บุคลากรทางการแพทย์บนรถพยาบาลฉุกเฉินสามารถปรึกษา และรักษาผู้ป่วยบนรถพยาบาลฉุกเฉินขณะส่งตัวผู้ป่วย ร่วมกับแพทย์เฉพาะทาง ที่ประจำอยู่ ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ 

 

ส่งผลให้โรคฉุกเฉินและโรควิกฤติ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคเส้นเลือดสมองตีบ เป็นต้น สามารถได้รับการรักษาได้ทันที โดยแพทย์เฉพาะทางในแต่ละโรค ระหว่างส่งตัวผู้ป่วย ทำให้ลดอัตราการตาย และภาวะแทรกซ้อน 

 

การเชื่อม telemedicine platform ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับโรงพยาบาลสำคัญจากกระทรวงสาธารณสุข ดังที่กล่าวมาข้างต้น จะส่งผลการใช้ระบบเทคโนโลยี 5G กับระบบสาธารณสุขระดับประเทศ เนื่องจากเป็นการเชื่อมระบบการรักษาแบบไร้รอยต่อ ระหว่างโรงพยาบาลข้ามสังกัดกระทรวง 

 

โดยในที่สุดเมื่อโครงการนี้สำเร็จ จะเป็นระบบต้นแบบที่ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด กล่าวคือ การเข้ารับการรักษาภาวะฉุกเฉินในโรงพยาบาลใดในจังหวัดเชียงใหม่ และหรือโรงพยาบาลในภาคเหนือตอนบน (ที่ร่วมโครงการ) ผู้ป่วยทุกท่านจะได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางเฉพาะโรค ผ่านระบบที่เชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ  ซึ่งทำให้ผลการรักษาพยาบาลมีความปลอดภัยมากขึ้น