วิกฤตหมูแพง รัฐควรแก้ปัญหาอย่างไร ? อย่าทิ้ง ปชช.สู้อย่างโดดเดี่ยว

14 ม.ค.2565 - วิกฤติ "หมูแพง" อย่างต่อเนื่อง อัพเดทราคาหมูล่าสุดวันนี้ เนื้อแดงราคา 180 บาท ต่อกิโลกรัม ,สันนอก 230 บาทต่อกิโลกรัม ยังคงเป็นปัญหาหนักอกของผู้บริโภค และบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ในการแบกรับภาระต้นทุนและค่าครองชีพที่สูงขึ้นในยุคโควิด

 

ขณะ สาเหตุ "หมูแพง" เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ส่วนหนึ่งมาจากหมูขาดตลาด พบปัญหาหมูไทยตายจากโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร มาตั้งแต่ปี 2564 นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงคาดหวังการแก้ปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับปากท้องความเป็นอยู่ ราคาหมูแพง สินค้าแพง จากรัฐบาล ที่เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น ว่านิ่งนอนใจเกินไป

ล่าสุด นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า ฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ออกมาระบุถึง ปัญหา วิกฤติหมูแพง และสิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการ โดยเสนอแนะให้รัฐบาลพูดความจริง สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ และมีมาตรการตรึงราคาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ การนำเข้าหมูจากต่างประเทศเป็นการชั่วคราว เป็นอีกแนวทางแก้ปัญหาได้ ดังนี้ 

วิกฤตหมูแพง รัฐควรแก้ปัญหาอย่างไร ?
 
หมูแพง..อาหารแพง..ข้าวของแพง..รัฐทำอะไรอยู่..?
สิ่งแรกทีรัฐบาลควรจะต้องทำ..
คือออกมาหาสาเหตุว่าทำไมราคาสินค้าต่างๆ
จึงทยอยขึ้นราคา..?

 

หาสาเหตุแล้วอธิบายให้ประชาชนทราบยังไม่พอ..
ต้องมีมาตรการแก้ไขและช่วยเหลือประชาชน
ออกมาให้ประชาชนรับทราบด้วย.. 

 

ไม่ใช่เงียบ และปล่อยให้ประชาชนรับกรรม
และแก้ปัญหากันไปตามมีตามเกิดแบบนี้.. 

ปัญหาเกิดจาก...1..2..3..ดังนี้
รัฐบาลได้แก้ไขปัญหา..1..2..3..ดังนี้
และมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน..1..2..3..ดังนี้ 

 

3 เรื่องข้างบน ต้องทำทันที..!! 

การเข้าใจและชี้แจงถึงที่มาของปัญหา
สะท้อนว่ารัฐเข้าใจที่มาของปัญหาอย่างแท้จริง 
ซึ่งต้องยอมรับความจริงและไม่โยนกลองกันไปมา
แบบกลัวความผิดของหน่วยงานรัฐกันเอง 

และมีมาตรการตรึงราคาหรือแบ่งเบาภาระประชาชน 
ออกมาให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม 

 

ต้องมีมาตรการลงโทษผู้กักตุนและปั่นราคา
ฉวยโอกาสทำกำไร อย่างเข้มงวด รวดเร็ว 

นอกจากนี้ ยังต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วยว่า 
เนื้อหมูที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดปัจจุบัน 
สะอาดและปราศจากการติดเชื้อ 
ด้วยมาตรการตรวจสอบดูแลจากภาครัฐ 

 

การพิจารณานำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศเป็นการชั่วคราว 
เพื่อชดเชยเนื้อหมูที่หายไปจากท้องตลาด
ต้องพิจารณาอย่างโปร่งใส 

ไม่เอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่ง 
และกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน 
เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการในประเทศต้องเดือดร้อนเมื่อเข้าสู่ภาวะปกติ 
เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาหาทางออกทันที 

 

ประชาชนถึงจะรับรู้ว่า ยังมีรัฐบาลคอยช่วยเหลือดูแลพวกเขาอยู่..
ไม่ว้าเหว่โดดเดี่ยวและรู้สึกว่า กำลังเผชิญปัญหาโดยลำพังแบบตอนนี้ 

และในระหว่างที่รอมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากภาครัฐ
ภาคประชาชนก็คงจะต้องหาทางช่วยตัวเองกันไปพลางๆก่อน 

 

ไม่ว่าจะหาวัตถุดิบทดแทนอื่นๆ 
เช่นจัดเทศกาลอาหารที่ทำจากเนื้อไก่ หรือเทศกาลอาหารทะเล 
เพื่อสร้างดีมานด์เนื้อสัตว์อื่นทดแทนความต้องการเนื้อหมูในตลาดผู้บริโภค 

 

ข้อควรระวังสำหรับผู้ประกอบการคือ
อย่าลดคุณภาพและปริมาณจนลูกค้าหนีหมด
เพราะเมื่อราคาสินค้าเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 
การลดคุณภาพหรือลดปริมาณลง
จะทำให้ลูกค้าหลายรายไม่กลับมาอีกครับ.. 

 

ดังนั้นต้องตัดสินใจให้ดี 
และชี้แจงทำความเข้าใจกับลูกค้าถึงต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้น 

อย่าหนีปัญหาหนึ่งเพื่อไปเจออีกปัญหาหนึ่ง