ช้อปดีมีคืน 2565 เริ่มเมื่อไร มีเงื่อนไข ซื้ออะไรได้บ้าง เช็คได้ที่นี่

21 ธ.ค. 2564 | 16:54 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ธ.ค. 2564 | 00:08 น.
15.9 k

ตรวจสอบเงื่อนไข มาตรการเยียวยา "ช้อปดีมีคืน ปี 2565" หลังมติครม.มีมติ เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ว่าเริ่มเมื่อไร ซื้ออะไรได้บ้างและห้ามซื้ออะไร

วันที่ 21 ธ.ค. 64 ที่ประชุมครม.ล่าสุด มีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาผ่าน "มาตรการช้อปดีมีคืน" ปี 2565 เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ  หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือ ค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ 

 

หลักเกณฑ์/เงื่อนไขช้อปดีมีคืน

  • สำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร 
  • ซื้อสินค้าหรือการรับบริการตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท 
  • ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 65 ถึงวันที่ 15 ก.พ. 65 

 

การซื้อสินค้าและบริการที่ได้รับสิทธิ์ช้อปดีมีคืน ได้แก่

  • ค่าสินค้า 
  • ค่าบริการ 
  • รวมถึงค่าสินค้า OTOP 

สินค้าและบริการที่ไม่ได้รับสิทธิ์ช้อปดีมีคืน  ได้แก่ 

  • ค่าสุรา เบียร์ ไวน์ 
  • ค่ายาสูบ 
  • ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับ เติมยานพาหนะ 
  • ค่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ 
  • ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสารและค่าบริการ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อ มูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 
  • ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ 
  • ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม 
  • ค่าสาธารณูปโภค 
  • ค่าน้ำประปา 
  • ค่าไฟฟ้า 
  • ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์
  • ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต 
  • ค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาว ซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 ม.ค. 65 แม้ว่าจะจ่ายค่าบริการระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 65 ถึงวันที่ 15 ก.พ. 65 
  • ค่าเบี้ยประกันวินาศภัยเพื่อสนับสนุน ผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี และผู้ประกอบกิจการ
  • การผลิตสินค้าท้องถิ่น (OTOP) โดยกลุ่มเป้าหมาย เฉพาะผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือ คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

นายธนกร วังบัญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายธนกร วังบัญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า คาดว่ามาตรการช้อปีมีคืน 2565 จะได้ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น มูลค่าประมาณ 42,000 ล้านบาท ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) เพิ่มขึ้น ประมาณร้อยละ 0.12 และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ทั่วไปเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้นอีกด้วย