นายกฯ ประยุทธ์ มั่นใจอีก 3 ปี เศรษฐกิจไทยดีขึ้น

ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ภายใต้หัวข้อ “Connect the Dots: Design the Future รวมพลัง...สร้างสรรค์อนาคต” โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมารับสมุดปกขาว พร้อมปาฐกถาพิเศษเรื่อง “จับมือ รวมใจ พาไทยรอด”

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทย เจอสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อทุกคนและยังไม่รู้ว่าจะอยู่ไปถึงเมื่อไหร่ โดยรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาทั้ง ด้านสุขภาพ การดำเนินชีวิต และการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ บนมาตรการที่เหมาะสม เพราะทุกอย่างจะมีผลกระทบซึ่งกันและกัน

รัฐบาลต้องกำหนดงบประมาณ และการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ โดยเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชน และผู้ประกอบการทางธุรกิจ เพราะอยากให้ทุกคนกลับมาดำเนินชีวิตปกติอีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือการฉีดวัคซีน ขณะที่เรามีปริมาณวัคซีนทั่วประเทศแล้ว แต่ยังติดปัญหาเรื่องการฉีดให้ครอบคลุม โดยภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ตั้งเป้าหมายฉีดให้ครบ 100 ล้านโดส และตอนนี้เหลืออีกเพียง 10 กว่าล้านเท่านั้น

ดังนั้น หากเดือนพฤศจิกายนนี้ได้ครบ 100 ล้านโดส เดือนธันวาคมอีก 20 ล้านโดส รวมเป็น 120 โดส และแผนปีหน้า 2565 วางเป็นการฉีดบูสต์ไว้อีก 60 - 70 ล้านโดส ทั้งนี้ ประเทศไทยใช้งบประมาณ 25% ของ GDP ไปกับโควิด-19 ในทุกมิติ จาก GDP ประเทศประมาณ 3.3 ล้านล้านบาทต่อปี ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศ APAC

วันนี้รัฐบาลเตรียมการแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ทั้ง ความยากจน น้ำท่วม หนี้ครัวเรือน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม​ ซึ่งอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อจัดสรรงบประมาณแก้ปัญหาให้ตรงจุด​ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และอยากให้ทุกกระทรวงทำงานแบบบูรณาการ ส่วน CPTPP (ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก) มีข้อเสียหลายอย่าง แต่ก็มีข้อดีด้วยเช่นกัน ดังนั้นประเทศไทยจะต้องเริ่มเข้าไปเจรจา แต่จะรับหรือไม่รับ บางข้อต้องขอสงวนไว้ก่อน

“เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจอีก 3 ปีจะดีขึ้น หลังปี พ.ศ. 2565,2566,2567 ถ้าโรคระบาดไม่กลับมาอีก รวมถึงประเมินถึงความขัดแย้งในอาเซียน ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ สถานการณ์เพื่อนบ้าน และราคาน้ำมัน โดยรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน บนความร่วมมือของทุกฝ่าย ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติที่วางเอาไว้”  นายกรัฐมนตรี กล่าว

รูปจาก ThaiChamber