รฟม. เลิกดัน “เกณฑ์ฉาว”ถอยดีกว่า !ประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้

29 ต.ค. 2564 | 08:37 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ต.ค. 2564 | 15:46 น.
849

ถอยดีกว่า !รฟม. เลิกดัน “เกณฑ์ฉาว”ประมูลรถไฟฟ้าสาย สีม่วงใต้ 78,720 ล้านบาท"สามารถ ราชพลสิทธิ์" ตั้งคำถาม ใช้เกณฑ์อะไรในการประมูลครั้งแรกไม่เห็นด้วยใช้เกณฑ์ล็อกผู้รับเหมา ให้คะแนนด้านเทคนิค 30% และคะแนนด้านราคา 70% ใครได้คะแนนรวมสูงสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล

 

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โฟสต์เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 29ตุลาคมว่า หลังจากล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รฟม. กลับมาประมูลใหม่ด้วยเกณฑ์ประมูลที่ผมเรียกร้องให้ใช้ เลิกดัน “เกณฑ์ฉาว” ที่ผมคัดค้านมาตลอด เพราะประชาชนและประเทศชาติจะไม่ได้รับประโยชน์สูงสุด

รฟม. ใช้เกณฑ์อะไรในการประมูลครั้งแรก

การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงินตามมติ ครม. 78,720 ล้านบาท โดยใช้ “เกณฑ์เทคนิคประกอบเกณฑ์ราคา” กล่าวคือ รฟม. พิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคและข้อเสนอด้านราคาพร้อมๆ กัน โดยให้คะแนนด้านเทคนิค 30% และคะแนนด้านราคา 70% ใครได้คะแนนรวมสูงสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล

ผมไม่เห็นด้วยกับการใช้เกณฑ์นี้ เนื่องจากผู้รับเหมาที่เสนอราคาต่ำสุด และมีความสามารถในการก่อสร้างสูงอาจไม่ได้รับเลือก ทำให้รัฐต้องเสียค่าก่อสร้างสูงกว่าอย่างน่าเสียดาย และที่สำคัญ เกณฑ์คัดเลือกนี้จะสามารถเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมารายใดรายหนึ่งก็ได้ หรือล็อกผู้รับเหมาได้ง่ายกว่านั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ผมจึงได้เสนอให้ รฟม. ใช้ “เกณฑ์ราคา” ซึ่งจะทำให้ รฟม. ได้ผู้รับเหมาที่มีความสามารถสูงและเสนอราคาต่ำสุด เกณฑ์ราคาเป็นเกณฑ์ที่นิยมใช้ในการประมูลโครงการขนาดใหญ่

รฟม. ล้มประมูลสายสีม่วงใต้

เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รฟม. ล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ โดยอ้างว่าส่งเอกสารบางรายการไปไม่ถึงผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เนื่องจากมีการระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ รฟม. ได้ลงนามในข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) กับผู้เข้าร่วมประมูล และผู้สังเกตการณ์ภายใต้โครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ข้อตกลงคุณธรรมเป็นการตกลงร่วมกันว่าจะไม่กระทำการทุจริตในการประมูล ที่น่าสังเกตก็คือ รฟม. ไม่อ้างถึงเกณฑ์ประมูลที่ถูกผมคัดค้าน

รฟม. เปิดประมูลสายสีม่วงใต้ใหม่

ขณะนี้ รฟม. กำลังเตรียมการประมูลใหม่ โดยอยู่ในระหว่างรับฟังความคิดเห็น “ร่างทีโออาร์” จากผู้สนใจ เอกสารมีจำนวนมากแต่ให้เวลาช่วงสั้นๆ ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2564 ผมได้อ่านร่างทีโออาร์เฉพาะส่วนที่ผมสนใจแล้วพบว่า รฟม. ได้ตัดสินใจเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลจากเดิมที่ใช้ “เกณฑ์เทคนิคประกอบเกณฑ์ราคา” เป็น “เกณฑ์ราคา” ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ผมเรียกร้องให้ใช้ เนื่องจากจะทำให้ รฟม. ได้ผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์และสมรรถนะสูง และเสนอราคาต่ำสุด

ทั้งนี้ เกณฑ์ราคาเป็นการพิจารณาผู้รับเหมาที่ผ่านเกณฑ์เทคนิคมาก่อน โดย รฟม. กำหนดคะแนนขั้นต่ำที่ผ่านเกณฑ์เทคนิคไว้ 85% ผู้รับเหมาที่ผ่านเกณฑ์เทคนิคเท่านั้นจะได้รับการพิจารณาเกณฑ์ราคา ใครเสนอราคาต่ำสุดก็จะชนะการประมูล

รฟม. จะใช้เกณฑ์อะไรในการประมูลสายสีส้มตะวันตก?

รฟม. ล้มการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หลังจากเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลกลางอากาศจาก “เกณฑ์ราคา” เป็น “เกณฑ์เทคนิคประกอบเกณฑ์ราคา” เป็นผลให้ผู้เกี่ยวข้องถูกฟ้องร้อง ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้นัดไต่สวนแล้ว ผู้ถูกฟ้องคงหวาดหวั่นกันแน่

เมื่อ รฟม. ได้ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ “เกณฑ์ราคา” ในการประมูลรถไฟฟ้า “สายสีม่วงใต้” ครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนและประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด แล้วทำไมจะไม่ใช้ “เกณฑ์ราคา” ในการประมูลรถไฟฟ้า “สายสีส้มตะวันตก” ครั้งใหม่ด้วย?

สรุป

1. ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ รฟม. เปลี่ยนมาใช้ “เกณฑ์ราคา” ในการประมูลรถไฟฟ้า “สายสีม่วงใต้” ครั้งใหม่ อีกทั้ง การประมูลนี้เป็นการประกวดราคานานาชาติ หาก รฟม. ต้องการให้มีการแข่งขันกันอย่างกว้างขวาง รฟม. ควรเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมาต่างชาติสามารถเข้าร่วมประมูลได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ รฟม. ประหยัดค่าก่อสร้างได้มากขึ้นด้วย ดังนั้น รฟม. ควรพิจารณาให้ผู้รับเหมาต่างชาติใช้ผลงานในต่างประเทศมาอ้างเป็นผลงานของเขาได้ อย่าจำกัดให้ใช้เฉพาะผลงานกับรัฐบาลไทยเท่านั้น เพราะจะทำให้ผู้รับเหมาต่างชาติเข้าร่วมประมูลได้น้อย

2. ผมขอเรียกร้องให้ รฟม. พิจารณาใช้ “เกณฑ์ราคา” ในการประมูลรถไฟฟ้า “สายสีส้มตะวันตก” ครั้งใหม่ด้วย เพราะจะทำให้ประชาชนและประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด

รฟม. เลิกดัน “เกณฑ์ฉาว”ถอยดีกว่า !ประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้

 

ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง