"จุรินทร์" อัดงบ 8.9 หมื่นล้านประกันรายได้ข้าวช่วยเกษตรกร

30 ก.ย. 2564 | 21:14 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2564 | 04:14 น.
535

จุรินทร์ อัดงบ 8.9 หมื่นล้านบาทประกันรายได้ข้าวช่วยเกษตรกร มันสำปะหลัง 6.8 พันล้านบาท เดินหน้าประกันรายได้เกษตรปี 3 พร้อมเผย 3 สาเหตุปุ๋ยราคาแพง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เตรียมเงินงบประมาณค่าประกันรายได้ข้าว ปี 3 จำนวน 89,000 ล้านบาท ส่วนเรื่องมันสำปะหลัง เตรียมงบประมาณไว้แล้วประมาณ 6,800 ล้านบาท และมีมาตรการคู่ขนานรวมแล้วประมาณ 7,000 ล้านบาทสำหรับมาช่วยชาวไร่มันสำปะหลัง 
สำหรับประกันรายได้ข้าว ตนได้ลงนามเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาว่าจะนำเข้า ครม. เมื่อใดเพราะต้องผ่านส่วนราชการ แต่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ มีมติเห็นชอบแล้วว่าจะประกันรายได้ข้าวเหมือนปีที่แล้วทุกอย่าง ปีนี้ราคาข้าวตก ทำให้มีส่วนต่างเยอะ รัฐบาลต้องใช้เงินมาชดเชยช่วยเยอะ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคาข้าวตก ได้แก่ 1.ส่งออกได้น้อยเพราะเงินบาทแข็งมาก เมื่อช่วงต้นปีหรือปลายปีที่แล้ว ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกแพงกว่าประเทศอื่น และ2.ปกติประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ข้าวขายดีขึ้น เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาน้อย คนช่วยกินข้าวน้อยลงทำให้ข้าวเหลือในประเทศสุดท้ายราคาก็ตกลงมา 

อย่างไรก็ดี หลังจากนี้สถานการณ์มีแนวโน้มจะดีขึ้นเพราะค่าเงินบาทอ่อนลง เวลาขายข้าวในต่างประเทศรู้สึกว่าข้าวราคาใกล้เคียงกับเวียดนาม อินเดียที่เป็นคู่แข่งจึงซื้อข้าวจากไทยมากขึ้น โดยล่าสุดมีผู้มาขอใบอนุญาตส่งออกข้าวมากขึ้น ซึ่ง 3-4 เดือนที่ผ่านมาประมาณเดือนละ 400,000 ตัน แต่เดือนนี้เดือนเดียว 7-8 แสนตัน โอกาสที่ข้าวส่งออกมีมากขึ้น ข้าวในประเทศเหลือน้อยลง คนต้องการมากราคาก็จะทยอยปรับตัวขึ้น เป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าราคาตกจะมีเงินส่วนต่างตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกร

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
"ประกันรายได้เป็นนโยบายสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ที่เจรจาก่อนเข้าร่วมรัฐบาล  กลายเป็นนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา และต้องเดินหน้าตราบเท่าที่มีรัฐบาลชุดนี้ ปัจจุบันเดินหน้ามาได้ถึงปีที่ 3 และ 2 ปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ ช่วยเหลือเกษตรกรได้มาก จะทำให้พี่น้องมีรายได้ 2 ทาง คือ 1.เอาไปขายในตลาด ใส่กระเป๋าซ้าย และ2.รัฐบาลจะโอนเงินส่วนต่างเข้าบัญชีพี่น้องโดยตรงใส่กระเป๋าขวา สุดท้ายจะมีรายได้กระเป๋าขวาและกระเป๋าซ้ายรวมเป็นรายได้ที่ประกัน  ตอนนี้ทำจนขึ้นปีที่ 3" 
นายจุรินทร์  กล่าวต่อไปอีกว่า กรณีปุ๋ยที่ราคาแพงเกิดขึ้นจาก 1.ราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนขนส่งจากต่างประเทศทุกประเทศที่ขึ้นสูงมาก ทำให้ต้นทุนปุ๋ยทั้งโลกแพงขึ้นและน้ำมันเป็นวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่เอามาทำปุ๋ย ราคาต้นทุนปุ๋ยจะแปรผันโดยตรงกับราคาน้ำมันโลก หากน้ำมันแพงปุ๋ยก็จะมีแนวโน้มแพง

,2.ประเทศผลิตปุ๋ยใหญ่ที่สุดในโลก ประเทศจีนไม่กี่เดือนมานี้เปิดให้มีการประมูลซื้อปุ๋ยและอินเดียซึ่งเป็นผู้ใช้รายใหญ่ประมูลปุ๋ยจากจีนประมาณปีละ 10,000,000 ตัน ทำให้จีนทำสัญญาขายปุ๋ยระยะยาวให้กับอินเดียปุ๋ยในตลาดโลกหายไปส่วนหนึ่ง
และ3.จีนกำลังเข้าสู่ฤดูหว่านไถ จึงต้องเก็บสต๊อกปุ๋ยไว้ใช้ในประเทศ รวมทั้งค่าขนส่งจากจีนมาไทยและไปหลายประเทศแพงขึ้นทั้งค่าระวางเรือ ค่าขนส่งทางบก ทำให้ต้นทุนปุ๋ยนำเข้าแพงขึ้นมาก
"กระทรวงพาณิชย์โดยอธิบดีกรมการค้าภายใน เรียกประชุมผู้นำเข้าปุ๋ย 19 บริษัท คุยหลายเดือนสุดท้ายได้ข้อสรุปให้ตรึงราคาปุ๋ย ขอความร่วมมือโดยวิธีให้ทุกบริษัทจัดปุ๋ยราคาพิเศษ มาขายให้กับเกษตรกรราคาพิเศษผ่านสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร เกษตรแปลงใหญ่วิสาหกิจชุมชน ยื่นขอซื้อปุ๋ยราคาพิเศษถูกกว่าท้องตลาดกระสอบละ 20 ถึง 50 บาทโดยประมาณ โดยให้ประสานงานผ่าน เกษตรจังหวัดหรือสหกรณ์จังหวัดโดยเตรียมไว้ 4,500,000 กระสอบ วันนี้ขายไปได้ 1,800,000 กระสอบ ยังเหลืออีก 2,700,000 กระสอบ ขอให้รวมตัวกันมาซื้อ"